Social :



วิธีการปลูก ว่านมหากาฬ

02 ก.พ. 62 11:02
วิธีการปลูก ว่านมหากาฬ

วิธีการปลูก ว่านมหากาฬ

วิธีการปลูก ว่านมหากาฬ

ว่านมหากาฬ   (Gynura pseudochina  (L.) DC.)  เป็นพืชล้มลุกหลายปี  ลำต้นมีขนาดเล็ก  อยู่ในวงศ์  Asteraceae (Compositae)  มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ  เช่น  ว่านมหากาฬ (กรุงเทพมหานคร  และภาคกลาง)  คำโคก (ขอนแก่น-เลย)  หนาดแห้ง (นครราชสีมา) ผักกาดกบ (เพชรบูรณ์)  ผักกาดนกเขา (สุราษฎร์ธานี) 


การกระจายพันธุ์
พบได้ในแถบเอเชีย แถบอินโดจีน อินโดนีเซีย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย ในประเทศไทยพบมากทางทิศใต้ และทิศตะวันตกบริเวณเขาวังเขมร จังหวัดกาญจนบุรี ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล  200-500  เมตร  มักพบในที่ร่มใต้ร่มไม้หรือที่โล่ง  ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
ว่านมหากาฬมีลำต้นใต้ดิน  เป็นลำต้นชนิดทูเบอร์  (tuber)  ที่มีลักษณะลำต้นสั้น  และใหญ่  มีตาอยู่โดยรอบ  ไม่มีใบเกล็ด  ลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นหัว  ส่วนลำต้นเหนือดินมีสีเขียวแกมม่วง  สูง  ประมาณ  40-60  เซนติเมตร  ไม่แตกกิ่งด้านข้าง  แตกใบเป็นกลุ่ม  บริเวณโคนต้นใกล้พื้นดิน

ใบ
ใบเป็นใบเดี่ยว  สีเขียวแกมม่วง มีลักษณะรูปช้อนแกมรูปขอบขนาน  หรือเป็นรูปพิณ  ยาวประมาณ  1.5-13  กว้างประมาณ  0.4-6  เซนติเมตร ส่วนปลายแหลมหรือมน  ส่วนโคนเรียว  และไม่เป็นรูปติ่งหู  ขอบใบหยัก  แบบขนนกหรือหยักซี่ฟัน ผิวใบทั้งด้านล่าง และด้านบนมีขนหนาแน่น ใบมีลักษณะอวบน้ำ ก้านใบยาวประมาณ  1.5  เซนติเมตร

ดอก
ดอกออกเป็นช่อกระจุกแน่นบนช่อเชิงหลั่น  3-9  ช่อ  ยาว  1-1.5  เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ  0.6-0.8  เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาว  0.5-2  เซนติเมตร  ผิวดอกมีขน  โคนก้านมีใบประดับรูปสามเหลี่ยมแคบ ยาวประมาณ  8-10  มิลลิเมตร

วงใบประดับมีสีเขียว  ใบประดับวงในมีประมาณ  13  อัน  มีลักษณะเป็นรูปหอกถึงแกมขอบขนาน ยาวขนาด  10-11  มิลลิเมตร กว้าง  1.5-2.5  มิลลิเมตร  ปลายแหลมเรียว  และมีขนขนาดเล็ก ขอบบาง และแห้ง ใบประดับวงนอกยาว  4-6  มิลลิเมตร  มีลักษณะคล้ายใบประดับยู่วงใน แต่กลีบดอกสีเหลือง  ผิวเกลี้ยงทั้ง  2  ด้าน  ด้านล่างมีปุ่มเล็กเกสรเพศผู้  ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ  2  มิลลิเมตร  อับเรณูยาวประมาณ  2  มิลลิเมตร  ส่วนเกสรเพศเมียจะยื่นพ้นหลอดดอก  ประกอบด้วยรังไข่ทรงกระบอก ขนาดประมาณ  1.5 – 0.5  มิลลิเมตร  ก้านเกสรยาวประมาณ  8  มิลลิเมตร แฉกก้านยาวประมาณ  1.5  มิลลิเมตร มีสันตามยาว  ฐานรองดอกมีลักษณะแบน เป็นแบบรังผึ้ง  และมีเกล็ดสั้น ๆ


การใช้ประโยชน์ในด้านสมุนไพรจากว่านมหากาฬ  นิยมใช้ทั้งส่วนราก  หัว  ใบสด  และดอก  ด้วยวิธีการต่าง  เช่น
– การนำมารับประทานสด
– การนำส่วนต่างๆ  มาต้มน้ำดื่ม
– การนำมาตากแห้งแล้วบดชงน้ำดื่มหรืออัดใส่แคบซูลรับประทาน
– การบดสดหรือบดแห้งแล้วผสมน้ำใช้ทาภายนอก
– นำส่วนที่ตากแห้งมาดองเหล้า

1. ช่วยรักษาฝี  แผลพุพอง
Lif
เป็นหนอง แผลปวดแสบปวดร้อน  ฆ่าเชื้อ  รักษาอาการอักเสบ  ห้ามเลือด ช่วยให้แผลหายเร็ว
– นำต้น  หัวหรือใบสดมาบดสำหรับประคบทาแผล  หรือนำส่วนตากแห้งบดผสมน้ำประทาแผล  จะช่วยให้แผลหายเร็ว

2. ช่วยในการถอนพิษจากสัตว์ต่างๆ  อาทิ  แมงป่อง  ตะขาบ  ต่อ  แตน  แมลงภู่ ผึ้ง
– นำต้น  หัวหรือใบสดมาบดประคบทาแผลบริเวณถูกต่อย  หรือนำส่วนตากแห้งบดผสมน้ำประทาประคบแผล  จะช่วยบรรเทาอาการปวด  และทำลายพิษได้  รวมถึงช่วยในการฆ่าเชื้อ  และรักษาแผลจากการถูกต่อย

3. ช่วยบรรเทาอาการโรคต่างๆ  เช่น  โรคเริม  งูสวัด  เป็นต้น  รวมถึงแก้พิษร้อน  พิษไข้เซื่องซึม  กระสับกระส่าย รักษาพิษอักเสบ ขับระดู
– นำต้น  หัวหรือใบสดมาต้มน้ำดื่ม  หรือนำส่วนตากแห้งที่บดแล้วต้มเป็นชาดื่ม  จะช่วยบรรเทาอาการของโรค  และรักษาโรคต่างๆ

4. บำรุงร่างกาย  บำรุงหัวใจ  บำรุงเลือด  และต้านอนุมูลอิสระ
– นำต้น  หัวหรือใบสดมาต้มน้ำดื่ม  หรือนำส่วนตากแห้งที่บดแล้วต้มเป็นชาดื่ม  โดยเฉพาะส่วนหัว  และดอกที่ประกอบด้วยสารอาหาร  และสารที่ช่วยบำรุงร่างกาย


ว่านมหากาฬเป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี  มีลำต้นขนาดเล็ก  ขยายพันธุ์ด้วยการงอกกอใหม่บริเวณรากที่แผ่ไปตามพื้นดิน  หรือขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อใหม่จากโคนต้นเดิม  เป็นพืชที่ชอบดินร่วน มีระบายน้ำดี

การปลูกนิยมใช้ส่วนหัวหรือเหง้าใหม่แบ่งปลูก  รวมถึงการนำส่วนต้นอ่อนมาปักชำ  ด้วยการปลูกในแปลงดินที่ว่างหรือการปลูกในกระถาง สำหรับดินที่ใช้ควรเป็นดินร่วน หากเป็นดินร่วนอาจใช้เพียงดินเพียงส่วนเดียวก็ได้  แต่แนะนำให้ผสมปุ๋ยคอกหรือวัสดุการเกษตร  เช่น  แกลบ  ขี้เถ้า  ขี้เลื่อย  ขุยมะพร้าว  ในอัตราส่วนดิน:วัสดุ  ที่  1:1  หรือ  2:1  หากเป็นดินชนิดอื่น  เช่น  ดินเหนียวหรือดินทราย ควรใช้อัตราส่วนที่  1:1  หรือ  1:2  เป็นอย่างต่ำ

เนื่องจากต้นว่านน้ำเป็นพืชที่มีลักษณะอวบน้ำ ชอบความชื้น จึงต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ครั้ง

การปลูกในทีร่ม เช่น ใต้ร่มไม้ใหญ่ ใต้สแลน หรือปลูกในกระถางที่วางในที่ร่มที่ได้รับแสงเพียงพอ แต่ไม่มากนัก จะช่วยให้ดินไม่แห้ง ต้นสามารถเจริญเติบโตได้ดี แต่หากปลูกที่โล่งแจ้งต้องเป็นดินที่ร่วนพอ และต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอไม่ให้หน้าดินแห้ง

การใส่ปุ๋ย   ในระยะที่ต้นตั้งตัวได้จะให้ปุ๋ยคอกเพียงอย่างเดียวก็ได้หรือให้ร่วมกับปุ๋ย  เคมีสูตร  16-8-8  อัตรา  5-10  กรัม/ต้น  ปุ๋ยคอกในอัตรา  0.5  กิโลกรัม/ต้น  เมื่อถึงระยะออกดอกให้เปลี่ยนใส่ปุ๋ยสูตร  12-12-24  ในอัตราเดียวกัน  เพื่อบำรุงดอก  และหัว

การเก็บผลผลิต
– ลำต้น  และใบ  เก็บได้ตลอดอายุการเติบโต แต่แนะนำให้เก็บในช่วงก่อนระยะออกดอก
– ราก  และหัว  เก็บได้ตั้งแต่ระยะออกดอกจนถึงระยะดอกร่วง หรือใบเริ่มแก่
– ดอก  เก็บในระยะที่ดอกบานเต็มที่


ข้อมูลอ้างอิง  :  http://www.nfc.or.th

โพสต์โดย : POK@