วิธีการปลูก และดูแล สาลี่
วิธีการปลูก และดูแล สาลี่
สาลี่ เป็นไม้ผลเขตหนาวประเภทรับประทานสด ลักษณะต้นมีขนาดใหญ่อายุยาวนานหลายสิบปี สาลี่ที่ปลูกในประเทศไทย เป็นชนิดสาลี่เอเชีย ซึ่งเนื่อผลจะกรอบและฉ่ำน้ำ ต่างจากสาลี่ยุโรปที่เนื้อผลจะอ่อนนิ่ม
พันธุ์สาลี่ ที่นิยมปลูก ได้แก่ พันธุ์ Yokoyama Wase , Xiang Sui และพันธุ์ใหม่ (SH-078 และ SH-085)
รายละเอียดมาตรฐานคุณภาพ : สาลีพันธุ์ Yokoyama Wase และ Xiang Sui แบ่งออกได้เป็น 3 เกรด
เกรดพิเศษ : ลักษณะผลตรงตามพันธุ์ ไม่มีตำหนิจากโรค และแมลง มีน้ำหนักผลประมาณ 600-700 กรัมต่อผล
เกรด 1 : ลักษณะผลตรงตามพันธุ์ ไม่มีตำหนิจากโรค และแมลง มีน้ำหนักผลประมาณ 450-600 กรัมต่อผล
เกรด 2 : ลักษณะผลตรงตามพันธุ์ ไม่มีตำหนิจากโรค และแมลง มีน้ำหนักผลประมาณ 350-449 กรัมต่อผล
ช่วงการส่งผลผลิตออกสู่ตลาด : เดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน
การปลูก : โดยทั่วไปมักจะใช้ระยะ 6x6 เมตร เนื่องจากทรงต้นสาลี่มีลักษณะสูง การปลูกจึงนิยมโน้มกิ่งลงมาให้ขนานกับพื้นดิน เพื่อให้มีสาขาแผ่กระจายออกไปและยังทำให้กิ่งมีการแตกแขนง และการเกิดกิ่งสเปอร์ได้เร็วและมากขึ้นด้วย ถ้าปล่อยให้ทรงต้นสูงตามธรรมชาติกิ่งสเปอร์ซึ่งเป็นที่ออกดอกผลจะเกิดขึ้นช้า ทำให้ผลไม่ดกวิธีการปฏิบัติกันอยู่มีการใช้ไม้ไผ่มาทำเป็นคอกสี่เหลี่ยมรอบทรงพุ่ม แล้วใช้เชือกผูกกิ่งที่โน้มลงมาติดคอกไม้ไผ่ซึ่งจะยึดกิ่งไว้ให้อยู่ในลักษณะแบนราบ และจะเป็นที่เกิดดอกและผลเป็นจำนวนมาก การทำคอกสาลี่นอกจากจะทำให้ทรงต้นไม่สูงการดูแลรักษาง่ายแล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาการหักโค่นของต้นเนื่องจากลมพายุ และการฉีกหักของกิ่ง เนื่องจากการติดผลที่ดกได้อีกทางหนึ่งด้วย
**เนื่องจากสาลี่มีการออกดอกและติดผลค่อนข้างดก จึงต้องมีการปลิดผลออกบ้างโดยเลือกปลิดให้เหลือแต่ผลที่มีคุณภาพดี โดยเฉลี่ยแล้วจะให้เหลือเพียงผลเดียวต่อ 1 ช่อดอก
เมื่อปลิดผลเสร็จแล้วต้องห่อถุง เพื่อป้องกันโรคและแมลง และรักษาผิวของผลให้สวย โดยเฉพาะสาลี่พันธุ์ที่มีสีเขียว ถ้าใช้ถุงกระดาษ 2 ชั้นโดยมีชั้นในทึบแสง ผิวผลเวลาเก็บเกี่ยวจะมีสีขาวนวล เป็นที่ต้องการของตลาด ก่อนการห่อผลจำเป็นต้องมีการพ่นยากันราและแมลงก่อนแล้วจึงจะทำการห่อ ทั้งนี้เพื่อป้องกันแมลงที่อาจจะติดอยู่บริเวณผิวผลซึ่งจะทำลายผลให้เสียหายและมีเชื้อราเข้าทำลาย ทำให้ผลเน่าได้ง่าย เนื่องจากฤดูการเจริญเติบโตของผลสาลี่ในประเทศไทยจะตรงกับช่วงที่ฝนตกชุกมาก การพ่นยาก่อนห่อผลช่วยป้องกันการเน่าเสียหายได้มาก
การเก็บเกี่ยว : การใช้ถุงกระดาษทึบแสงห่อผลสาลี่ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นผลสาลี่ที่อยู่ในถุงได้ ดังนั้น การเก็บเกี่ยวจึงต้องใช้วิธีการนับอายุของผล หลังจากดอกบานเต็มที่เป็นอันดับแรก สาลี่แต่ละพันธุ์ที่ปลูกอยู่มีช่วงความแก่สมบูรณ์ที่แตกต่างกันออกไป ก่อนที่จะเก็บผลจะต้องเปิดถุงกระดาษที่ใช้ห่อผลอยู่ออกไปเสียก่อนแล้วจึงค่อยๆ ใช้กรรไกรปลายแหลมขนาดเล็กตัดขั้วผลให้หลุดออกจากต้น โดยตัดให้มีขั้วติดอยู่กับผลด้วย จากนั้นจึงนำไปแยกและบรรจุ
โรคและแมลงศัตรู
1. โรคใบจุด (Leaf spot)
2. โรคราสนิม (Rust)
สาเหตุ : เชื้อรา Ochropsora ariae (Fuck.) p. et M. Sydow
ลักษณะอาการ : ใบล่างแสดงอาการจุดด่างเหลือง มีขอบแผลสีม่วง กระจายบนใบ ด้านใต้ใบมีกลุ่มเชื้อราสีน้ำตาล โรคนี้ระบาดมากจะลุกลามขึ้นด้านบนใบ เมื่อเป็นโรคมาก ต่อมาใบล่างจะร่วง พบโรคนี้กับสาลี่พันธุ์ที่ใช้เป็นต้นตอและ Yokoyama Wase มักพบในสภาพอากาศชื้นและเย็น
การป้องกันกำจัด : ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น triadimefon
3. โรคราแป้ง (Powdery mildew)
สาเหตุ : เชื้อรา Phyllactinia sp. พบระยะสปอร์ imperfect stage รูปร่างแบบรองเท้าแตะ
ลักษณะอาการ
: ใบสาลี่มีราขาวจับด้านใต้ใบเห็นชัดเจนบริเวณระหว่างเส้นใบ ด้านบนใบแสดงอาการซีด เหลือง สปอร์ของราแป้งแพร่ระบาดได้ดีในสภาพอากาศแห้งและเย็น
การป้องกันกำจัด : ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราชนิดที่ได้ผลกับราแป้ง เช่น กำมะถันผง หรือสารดูดซึมป้องกันราแป้ง เช่น triadimefon
4. โรคผลเน่า (Fruit rot)
สาเหตุ : เชื้อรา Phomopsis sp.
ลักษณะอาการ : ผลแก่สาลี่เน่าระยะก่อนเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว แสดงอาการจุดเน่าสีน้ำตาลลุกลามอย่างรวดเร็ว เชื้อราเข้าสู่ระยะดอกและผลอ่อนและพักตัวเมื่อผลแก่และสุกจึงแสดงอาการเน่า
การป้องกันกำจัด : ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราเป็นระยะๆ ตั้งแต่ระยะติดช่อดอก เช่น carbendazim และ mancozeb และควรมีสารเคมีการจุ่มผลสาลี่ในสาร carbendazim ผสมกับ iprocione
5. โรคผลเน่าก้นผล (Calyx end rot)
สาเหตุ : เชื้อรา Alternaria alternate (Fr.) Keissl.
ลักษณะอาการ : เกิดจุดเน่าสีน้ำตาลจากปลายก้นผลที่มีรอยย่น การขยายตัวของจุดเน่าค่อนข้างจำกัด และมักพบเส้นใยของเชื้อราสีเทาแกมเขียว จำนวนเล็กน้อยเจริญคลุมผิวที่เน่าในบริเวณรอยย่นของก้นผล พบอาการทั้งระยะก่อนและหลังเก็บเกี่ยว เชื้อราแพร่ระบาดและตกค้างตั้งแต่ระยะติดผลอ่อน เมื่อผลโตบริเวณก้นผลมีความชื้นเพียงพอทำให้เชื้อราเจริญได้ดี จึงทำให้เน่าที่ก้นผล
การป้องกันกำจัด : ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราเป็นระยะๆ ตั้งแต่ระยะติดช่อดอก เช่น iprocione ซ่างให้ผลดีกว่าสาร benomyl กับโรคชนิดนี้
6. โรคไส้ดำ (Flesh Spot Decay)
สาเหตุ : ไม่พบเชื้อสาเหตุ เป็นผลจากความผิดปกติของสรีระ
ลักษณะอาการ : เกิดจุดสีน้ำตาลหรือบางครั้งเป็นเส้นสีน้ำตาลในเนื้อของผล ส่วนใหญ่จะพบในบริเวณกลางผลหรือค่อนข้างไปทางส่วนของขั้วเซลล์ใกล้ๆ กับท่อน้ำท่ออาหารจะแสดงอาการก่อน จากจุดเล็กๆ ก็จะขยายขึ้นเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ รูปร่างไม่แน่นอนและเกิดทั่วไปในเนื้อของผลโดยไร้ทิศทาง ถ้าเป็นมากจะเกิดในแกนกลางของผลด้วย ส่วนที่เป็นแผลอาจจะมีลักษณะแห้ง หรือฉ่ำน้ำก็ได้ โดยที่เซลล์โดยรอบยังคง ปกติอยู่ ผลที่เป็นโรคจะมีรสขม
** ผลที่มีขนาดใหญ่และแก่เกินไปมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผลที่มีขนาดเล็กกว่าและไม่แก่จัด ช่วงใกล้เก็บเกี่ยวผล ถ้าอากาศเย็นและชื้นแฉะโรคจะเกิดทาก และสวนที่ให้น้ำมากก็เกิดโรคนี้ได้ง่ายขึ้น
การป้องกันกำจัด : ยังไม่ทราบวิธีที่แน่นอนแต่ลดความเสียหายโดยเก็บเกี่ยวผลในระยะที่ผลแก่พอดี อย่าให้แก่เกินไป เมื่อเก็บเกี่ยวผลแล้วให้ผึ่งไว้ 36-48 ชั่วโมง ก่อนที่จะทำการบรรจุหรือเก็บในห้องเย็น ถ้ามีฝนตกในระยะเก็บเกี่ยว ถ้ารอได้ก็ให้ทิ้งผลไว้บนต้นก่อนสัก 2-5 วัน เพื่อให้น้ำในผลลดลงเสียก่อนจึงทำการเก็บเกี่ยว
แมลงศัตรูของสาลี่แมลงศัตรูของสาลี่ที่สำคัญ ได้แก่ แมลงวันทอง ซึ่งจะเจาะผลและวางไข่ในผลสาลี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผลใกล้สุก และก่อนเก็บเกี่ยวทำให้ผลเน่าเสียหายมาก ซึ่งในการปลูกสาลี่จำเป็นต้องมีการห่อผลเพื่อป้องกันการเข้าทำลาย
แมลงอื่นที่สำคัญ คือ เพลี้ยอ่อนของสาลี่ ซึ่งทำลายเฉพาะสาลี่เท่านั้น เพลี้ยอ่อนสาลี่มีขนาดเล็กมากลำตัวยาว 0.8-1.0 มม. มีสีเหลืองใส รูปร่างด้านหัวค่อนข้างกลมมนและค่อยๆเรียวยาวไปทางด้านปลายท้อง พบแต่ชนิดที่ไม่มีปีก หัว กลมมน มีตารวมค่อนข้างใหญ่สีน้ำตาลปนแดง หนวดสั้นประมาณ 3 ปล้อง ปากยาว เมื่อไม่ได้ใช้จะพับเก็บไว้ใต้ส่วนอก ปลายของปากยื่นไปจนถึงฐานของขาคู่หลัง อกอยู่ชิดติดกับส่วนหัว มีขาค่อนข้างสั้นสีน้ำตาลเกือบดำ 3 คู่ ยื่นออกมา ไม่มีปีก ท้องค่อนข้างยาวเรียวไปสู่ส่วนท้ายมีประมาณ 8-9 ปล้อง ไม่มี cornicle และรูหายใจเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก จึงทำให้ดูไม่เหมือนเพลี้ยอ่อนชนิดอื่นๆ ที่พบในประเทศไทย ซึ่งมักจะมี cornicle ยื่นออกมาจากทางด้านหลังทางปล้องท้อง 1 คู่
** เพลี้ยอ่อนสาลี่จะอาศัยรวมอยู่เป็นกระจุกซึ่งมีทั้งไข่ตัวอ่อนหลายวัยและตัวเต็มวัยไม่มีปีกแอบซุกซ่อนอยู่ตามร่องหรือรอยแตกของผล ตา ใต้เปลือกของกิ่ง ก้าน และโคนต้น ซึ่งถ้าไม่สังเกตให้ดีแล้ว
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.rakbankerd.com
โพสต์โดย : POK@