Social :



ย้อนรอยคดี“ผู้กองเหน่ง”ฆ่า“ผอ.อ้อย”ตั้งแต่หายตัว จนถึงวันพิพากษาวันพรุ่งนี้

13 มี.ค. 62 23:03
ย้อนรอยคดี“ผู้กองเหน่ง”ฆ่า“ผอ.อ้อย”ตั้งแต่หายตัว จนถึงวันพิพากษาวันพรุ่งนี้

ย้อนรอยคดี“ผู้กองเหน่ง”ฆ่า“ผอ.อ้อย”ตั้งแต่หายตัว จนถึงวันพิพากษาวันพรุ่งนี้

ย้อนรอยคดี“ผู้กองเหน่ง”ฆ่า“ผอ.อ้อย”ตั้งแต่หายตัว จนถึงวันพิพากษาวันพรุ่งนี้

วันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) ศาลจังหวัดกันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นัดฟังคำพิพากษาคดี ผู้กองเหน่ง หรือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส ผู้ต้องหาคดีฆ่า ผอ.อ้อย หรือ น.ส.จุฑาภรณ์ อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.60 กระทั่งไปพบโครงกระดูก เสื้อผ้า และนาฬิกาของ ผอ.อ้อย ถูกทิ้งอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ กองร้อยทหารพรานที่ 2305 อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ต่อมาเมื่อเดือนต.ค.60 ตำรวจสามารถจับกุมตัว ร.อ.ศุภชัย ได้ พร้อมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก คือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ


ทีมข่าวจะพาไปย้อนรอยคดีดังกล่าวตั้งแต่เริ่มต้นจนไปถึงวันพิพากษาคดี ซึ่งระหว่างที่ ผอ.อ้อย หายตัวไปนั้น แต่กลับพบว่าไลน์และสัญญาณมือถือมีการเคลื่อนไหว โดยจากคำบอกเล่าของเพื่อนของ ผอ.อ้อย นั้น ทรบาว่า ก่อนหายตัวไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผอ.อ้อย ได้ชักชวนเพื่อให้พาไปท้วงหนี้กับคนมีสีคนหนึ่ง จำนวน 5 แสนบาท และมาทราบว่าภายหลังว่าคือ ผู้กองเหน่ง โดยมีหลักฐานเป็นบัตรเอทีเอ็ม และหากไม่คืนเงินก็จะทำเรื่องฟ้องผู้บังคับบัญชา หลังจากนั้นก็ไม่พบตัว ผอ.อ้อยอีกเลย

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.ค.60 พบว่ามีการโอนเงิน 1 แสนบาท จากบัญชีของ ผอ.อ้อย เข้าบัญชีแม่ของผู้กองเหน่ง และในวันเดียวกันผู้กองเหน่ง ได้ไปขอยืมเงิน 20,000 บาท จาก นางสุชาวดี แต่ไม่มีให้ ผู้กองเหน่งจึงถามว่ารับจำนำรถหรือไม่

กระทั่งวันเกิดเหตุ 3 ก.ค.60 ผอ.อ้อย ได้ขับรถไปกับผู้กองเหน่ง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนเวลา 12.30 น. สัญญาณโทรศัพท์ ผอ.อ้อย ก็หายไป แต่เมื่อเวลา 12.50 น. กลับพบสัญญาณโทรศัพท์ของผู้กองเหน่ง และ ผอ.อ้อย บนถนนสายกันทรลักษณ์-เขาพระวิหาร และเลี้ยวเขาสู่ถนนภูมิชรอล ไปทาง อ.น้ำยืน

เวลาประมาณ 15.30 น. ผู้กองเหน่ง โทรหา นางสุชาวดี คุยเรื่องขายรถของ ผอ.อ้อย ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. ผู้กองเหน่ง อยู่แถวฐานปฏิบัติการชายชาญ ซึ่งห่างจากจุดพบศพ 3 กิโลเมตร แต่อยู่แค่ไม่กี่นาทีก็กลับลงมา

นอกจากนี้เวลา 16.56 น. KTB
MulticollaC
ออนไลน์ ของ ผอ.อ้อยมีการเคลื่อนไหว โดยโดนเงินจำนวน 11,774 บาท เข้าบัญชีของ ผอ.อ้อย อีกบัญชี ก่อนจะโอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีของ ผู้กองเหน่ง ต่อมาเวลา 18.24 น. ผู้กองเหน่ง เดินทางออกจาก อ.กันทรลักษณ์ และเวลา 18.50 น. สัญญาณโทรศัพท์ของ ผอ.อ้อย ขาดหายไป

จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 4 ก.ค.60 ผู้กองเหน่งเอาเอกสารการโอนรถและบัตรประชาชนตัวจริงของ ผอ.อ้อย มาให้ นางสุชาวดี ที่ จ.อุบลราชธานี

วันที่ 5 ก.ค.60 ได้มีไลน์ของ ผอ.อ้อย ไลน์ไปทวงหนี้เพื่อนร่วมงานจำนวน 60,000 บาท จากนั้นเวลา 13.36 น. วันเดียวกัน ไลน์ของ ผอ.อ้อย ก็ได้แชทไปยืมเงิน นางหมายปอง จำนวน 20,000 บาท และขอยืมเงินกับ นางศิรินฎาวัลย์ จำนวน 19,800 บาท จากนั้นก็มีการโอนเงินที่ยืมมาจำนวน 39,855 บาท โอนเข้าบัญชีของ ผู้กองเหน่ง

ต่อมาวันที่ 8 ก.ค.60 ผู้กองเหน่งกับสุชาวดี นำรถเก๋งของ ผอ.อ้อย ไปขาย ได้เงินมา 180,000 บาท โดย นางสุชาวดี ได้โอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชี ผอ.อ้อย จากนั้น KTB ออนไลน์ของ ผอ.อ้อย ก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยโอนเงินจำนวน 97,000 บาท เข้าบัญชีของ ผู้กองเหน่ง


หลังการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย ติดต่อไม่ได้แต่ไลน์และ KTB ออนไลน์ กลับมีการเคลื่อนไหว แถมยังมีพฤติกรรมยืมเงินของคนไปทั่ว จนกระทั่งไปเจอบัญชีปลายทางที่ถูกโอนเงินเข้าไปเป็นจำนวนมาก จึงลองโอนเงินเข้าบัญชีนั้น จนทราบว่าเป็นของผู้กองเหน่งนั้นเอง ซึ่งเวลาผ่านไปถึง 4 เดือน จนไปพบกระดูกและเสื้อผ้า รวมถึงนาฬิกาของ ผอ.อ้อย

จากนั้นวันที่ 30 ต.ค.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้กองเหน่งมาสอบปากพร้อมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก แล้วนำตัวไปที่ฝากขังศาลจังหวัดกันทรลักษ์ จนกระทั่งในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) ซึ่งเป็นวันพิพากษาคดีดังกล่าว ที่ทางครอบครัวของ ผอ.อ้อย รอมาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทีมข่าวข่าวสดจะเกาะติดสถานการณ์และรายงานให้ทราบต่อไป


โพสต์โดย : Ao