ฉันรอเธออยู่! “บิ๊กตู่”ต้องรอภท.ช่วยอุ้มนั่งนายกฯ

หลายคนคงเชื่อมั่น และมั่นใจว่า เส้นทางกลับสู่ทำเนียบในฐานะนายกรัฐมนตรี อีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลัง พลังประชารัฐกวาด ส.ส.เข้าสภา ได้เกิน 100 ที่นั่งนั้น คงง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่า “ภูมิใจไทย” คือตัวแปรสำคัญ

ณ เวลานี้ 2 ฝ่าย ทั้งพลังประชารัฐ และเพื่อไทย ได้เริ่มต้นเกม ชิง ส.ส.ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกันแล้ว แน่นอนว่า รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดรูปแบบ วิธีการขั้นตอนดำเนินการของสภา ที่แตกต่างไปจาก ฉบับเก่าอยู่เล็กน้อย และส่งผลให้ พลังประชารัฐ มีความได้เปรียบอยู่เล็กน้อย แค่ 250 เสียง จาก ส.ว. ที่จะมีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโจทย์ให้ เพื่อไทย มีความยุ่งยากในการจัดตั้งรัฐบาลมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะต้องหาถึง 376 เสียง เพื่อที่จะเอาชนะพลังประชารัฐ และ ส.ว.

จากตัวเลขของพลังประชารัฐ ที่มีอยู่ บวกกับ ส.ว. ที่ คสช.แต่งตั้งมา คงไม่ยาก ที่จะรวมให้ได้ 376 เสียง แต่ปัญหา อยู่ที่ว่า จะรวมเสียงให้ได้ เกิน 251 เสียง เพื่อเสถียรภาพของการทำงานมากกว่า เพราะฝั่งเพื่อไทย มี อนาคตใหม่ เป็นกองหนุนหลักมาแล้ว แค่ 2 พรรคทะลุ 220 เสียงแล้ว หากเพื่อไทยดึง “ภูมิใจไทย” ของ อนุทิน ชาญวีรกุล มาร่วมได้อีกพรรค ตัวเลขก็จะเกินกึ่งหนึ่งของสภาล่างไปไกลทีเดียว และหากรวมกลุ่มพรรคเล็กอื่นๆ ทั้งหมดได้อีก เป็นการโดดเดี่ยวพลังประชารัฐ กับประชาธิปัตย์ เอาไว้ ก็น่าสนใจ ว่า เกมการเมืองจะเดินต่อไปในรูปแบบไหน

แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว เวลานี้ พรรคภูมิใจไทย ถูกมองว่าอยู่ฝั่งเดียวกับพลังประชารัฐมาก่อน อีกทั้ง แบ็คอัพ สำคัญของ ภูมิใจไทย และเป็นเหมือนพี่ชายของ “อนุทิน” เคยลั่นวาจา “มันจบแล้วครับนาย” มาก่อน ทำให้โอกาส ที่ภูมิใจไทย จะไปรวมตัวกับเพื่อไทยของ “ทักษิณ ชินวัตร” อีกครั้งนั้นยากมาก ยาก พอๆ กับการที่จะให้ ประชาธิปัตย์ มาร่วมงานกับเพื่อไทยด้วยนั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส เพียงแต่ต้องขึ้นอยู่กับ ข้อเสนอ และการต่อรอง ซึ่งข้อเสนอเดียว ที่พลังประชารัฐ ให้ กับ “อนุทิน” และ ภูมิใจไทยไม่ได้ คือตำแหน่งนายกฯ นั่นเอง แต่ทางฝั่งเพื่อไทย นั้นมีกระแสมาแล้ว ว่า หากถึงขั้นนั้นก็สามารถยอมได้ แต่ถึงยอมได้ และ “อนุทิน” ลองเสี่ยงโอกาสที่จะตั้งรัฐบาลได้ก็ยังยากอยู่ดี

เกมชิง ส.ส. ครั้งนี้ของเพื่อไทย และ พลังประชารัฐ จึงถือได้ว่า ภูมิใจไทย มีแต้มต่อ เหนือทุกพรรคอยู่ในมือ แต่แต้มต่อนั้น ก็มีพลังกดดันพลังประชารัฐได้ไม่มากนักอยู่ดี เพราะ พลังประชารัฐยังมี ส.ว. และประชาธิปัตย์ อยู่แล้ว ซึ่งแค่นั้นก็เพียงพอที่จะส่ง ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินอย่างองอาจกลับเข้าทำเนียบได้แล้ว และ หาก ภูมิใจไทย ปล่อยให้ยืดเยื้อไป แทนที่จะได้ของเกรดเอ อย่างที่คิด อย่างที่หวัง อาจต้องเสียใจก็ได้ ดังนั้น ณ จังหวะเวลาที่เป็นต่อ ก็ควรเร่งปิดการเจรจา เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเอง

ต้องการให้จบโดยเร็วดีกว่า และเชื่อหลายคนคงเดาออกแล้ว ว่าภูมิใจไทย จะเลือกเดินไปฝ่ายไหน …………

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:.innnews