Social :



ทำความรู้จักกับคุณประโยชน์ และวิธีการปลูก เล็บครุฑ

02 พ.ค. 62 11:05
ทำความรู้จักกับคุณประโยชน์ และวิธีการปลูก เล็บครุฑ

ทำความรู้จักกับคุณประโยชน์ และวิธีการปลูก เล็บครุฑ

ทำความรู้จักกับคุณประโยชน์ และวิธีการปลูก เล็บครุฑ

เล็บครุฑ   จัดเป็นไม้ประดับต้นที่นิยมปลูกทั้งในกระถาง  และแปลงจัดสวน เนื่องจากมีลำต้น  และทรงพุ่มไม่สูง  ใบมีลักษณะแปลก  มีลวดลายสวยงาม  รวมถึงเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าจะคอยคุ้มครองภยันตรายไม่ให้กล้ำกลาย  ทั้งภูตผี  วิญญาณชั่วร้าย  เวทมนต์ดำ  และสิ่งอัปมงคลต่างๆ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
เล็บครุฑทอดมัน/ครุฑตรี  เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก  สูงประมาณ  1-2  เมตร  ต้นอ่อนมีสีเขียว  ลำต้นแก่มีสีเทา  ผิวลำต้นสากมือ  ลำต้นแตกกิ่งตั้งตรงรวมกันเป็นทรงพุ่ม  และมีปุ่มนูนบริเวณกาบใบที่ร่วงไป

ใบ
ใบเล็บครุฑทอดมัน/ครุฑตรี  แตกออกจากลำต้น  และกิ่ง  โดยเรียงสลับกันเป็นชั้นๆ  ใบเป็นใบประกอบมีก้านใบหลักยาว  โคนก้านใบหลักมีตุ่มหนามเล็กๆสีขาว  และถัดขึ้นมาเป็นจุดประสีขาวสลับกับสีเขียวเข้ม  จากนั้น  ก้านใบหลักแตกก้านใบย่อยออก  ก้านใบย่อยมีใบเรียงกันเป็นคู่ตรงข้ามกัน  5-9  ใบ  โดยใบสุดท้ายเป็นใบเดี่ยว ใบย่อยแต่ละใบมีลักษณะเรียวยาว  ขอบใบหยักลึกหลายหยัก  คล้ายกรงเล็บ  ส่วนปลายใบแหลม

ดอก
ดอกเล็บครุฑทอดมัน/ครุฑตรี  แทงออกปลายยอดของลำต้น  ช่อดอกมีขนาดใหญ่  และแตกแขนงช่อย่อยจำนวนมาก  แต่ละช่อมีดอกรวมกันเป็นกระจุก  20-40  ดอก

ผล และเมล็ด
ผลเล็บครุฑทอดมัน/ครุฑตรี  มีลักษณะค่อนข้างกลม  รวมกับหลายผลเป็นกระจุก


เล็บครุฑเกล็ดปลากะโห้ ( P. Scutellaria)
เป็นพันธุ์เล็บครุฑที่มีลำต้นสูง ทรงพุ่มใหญ่ สูงได้ประมาณ 2-3 เมตร ลำต้นอ่อนมีสีเขียวอมเทา เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมเทา  ก้านใบมีใบย่อย  3  ใบ  ใบมีขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม  รูปใบค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ยาวมากกว่าส่วนกว้าง  กว้างประมาณ  8-10  เซนติเมตร  ยาวประมาณ  10-13  เซนติเมตร  ขอบใบหยัก  และมีหนามที่ขอบใบ ทั้งนี้ ใบย่อยคู่แรกจะมีขนาดใกล้เคียงกัน  แต่จะเล็กกว่าตรงกลางที่เป็นใบสุดท้ายซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าทุกใบ

เล็บครุฑกระทง (Polyscias sp.)
เป็นเล๊บครุฑที่มีความสูงใกล้เคียงกับครุฑเกล็ดปลากะโห้ แต่ลำต้นแตกกิ่งมาก  และใบดก ทำให้มีทรงพุ่มขนาดใหญ่กว่า  ลำต้นมีสีน้ำตาล  ลำต้นมีตุ่มนูนเป็นข้อ  ตามก้านใบที่แตกออก  ใบมีลักษณะทรงกลม  ทำให้คล้ายกระทงหรือถ้วย  ใบมีสีเขียวเข้ม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย  ส่วนโคนใบบริเวณก้านใบมีลักษณะเว้าเล็กน้อยคล้ายรูปหัวใจ ขนาดใบประมาณ  8-10  เซนติเมตร

1. เล็บครุฑมีลักษณะใบแปลก  มีลายประ ขอบใบหยักคล้ายกรงเล็บ  ทรงพุ่มหนา  และเตี้ย  จึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับต้น  และประดับใบ  โดยส่วนมากจะนิยมปลูกในกระถางประดับตามหน้าบ้าน  หรือในอาคาร
2. ยอดอ่อน และใบอ่อนมีกลิ่นหอม  สามารถนำมาทอดเป็นผักหรือใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียง
MulticollaC
3. ใบเล็บครุฑมีน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นหอม  สามารถนำสกัดสำหรับใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอม  หรือนำมันสำหรับประโยชน์ในด้านความสวยความงาม
4. ใบนำมาขยำ และใช้ทาเนื้อสัตว์  ก่อนนำไปย่าง ซึ่งช่วยให้เนื้อมีกลิ่นหอม  น่ารับประทานมากขึ้น
5. ขอบใบเล็บครุฑมีหยักเป็นฟันเลื่อยจำนวนมาก บางชนิดหยักตื้น บางชนิดหยักลึก ทำให้แลดูคล้ายกรงเล็บครุฑ  ซึ่งเชื่อว่า  หากปลูกแล้วจะช่วยคุ้มครอง  ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ  ทั้งภูตผี  มนต์ดำ และสิ่งอัปมงคลไม่ให้มากล้ำกรายผู้ปลูกหรือสมาชิกในครอบครัว


เล็บครุฑทุกชนิดสามารถปลูกขายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด  แต่ทั่วไปนิยมใช้การปักชำ  และการตอนกิ่ง  เพราะจะได้ต้นที่ไม่สูงมากนัก  และสามารถบังคับให้แตกกิ่งเป็นทรงพุ่มใหญ่เหมือนการปลูกด้วยเมล็ดได้

การปลูกด้วยเมล็ด
– นำเมล็ดแช่น้ำที่ผสมน้ำตาลประมาณ  10%  เช่น  น้ำ  1  ลิตร  ใช้น้ำตาล 100 กรัม  โดยแช่เมล็ดนาน  6  ชั่วโมง
– นำเมล็ดลงเพาะในถุงเพาะชำ  ถุงละ  1-2  เมล็ด
– จากนั้น นำถุงเพาะชำวางใว้ในที่แสงแดดรำไร  รดน้ำวันละ  1  ครั้ง  ทุกวัน ประมาณ  7-15  วัน  เมล็ดก็เริ่มงอก
– หลังจากนั้น ต้นพันธุ์แตกใบแล้ว  3-5  ใบ จึนำปลูกลงดินได้  หรือหากปลูกในกระถางอาจปล่อยให้เติบโตสักระยะ  ก่อนเปลี่ยนใส่กระถางที่มีขนาดใหญ่กว่า

การเสียบยอด
– เพาะต้นพันธุ์ในกระถาง  และดูแลให้มีขนาดลำต้นประมาณนิ้วก้อย
– เลือกกิ่งจากต้นพันธุ์ดี  พร้อมตัดปลายกิ่งส่วนที่มีขนาดใกล้เคียงกับต้นตอ  อาจเล็กกว่าเล็กน้อยก็ได้  แต่ห้ามให้ใหญ่กว่า พร้อมเด็ดใบออกให้หมด
– ปาดโคนกิ่งเป็นรูปสามเหลี่ยม  หรือตัว  V  ซ้าย-ขวา  ให้เรียบ  และสม่ำเสมอ
– ตัดต้นตอในแนวขวางลำต้น ให้เหลือโคนต้นสูงประมาณ  5  เซนติเมตร
– ผ่าต้นตอให้เป็นรูปตัว  V  ในขนาดที่พอเหมาะกับตัว  V  คล่ำของกิ่งที่ใช้เสียบ
– นำกิ่งที่ปาดเป็นรูปตัว   V  เสียบลงตรงรอยผ่าของต้นตอให้รอยปาด  และรอยกรีดจรดเสมอกัน  ก่อนพันด้วยแผ่นพลาสติกให้แน่น
– หลังจากนั้น ดูแลให้น้ำปกติ  จนส่วนยอดแทงใบใหม่แล้ว  จึงนำลงปลูกต่อไป




ข้อมูลอ้างอิง  :   https://puechkaset.com/

โพสต์โดย : POK@