Social :



ทำความรู้จักกับประโยชน์ และวิธีการปลูก ถั่วลันเตา

22 พ.ค. 62 11:05
ทำความรู้จักกับประโยชน์ และวิธีการปลูก ถั่วลันเตา

ทำความรู้จักกับประโยชน์ และวิธีการปลูก ถั่วลันเตา

ทำความรู้จักกับประโยชน์
และวิธีการปลูก ถั่วลันเตา

ถั่วลันเตา   (Pea/Green  pea)   เป็นพืชล้มลุกตระกูลถั่วที่นิยมนำส่วนต่างๆ  มาบริโภค  อาทิ  ฝักอ่อน ยอดอ่อน  เมล็ดสด  และเมล็ดแห้ง  โดยเฉพาะฝักอ่อนที่นิยมปลูกเพื่อนำมาปรุงอาหาร  และเมล็ดถั่วแห้งที่แปรรูปเป็นถั่วคั่ว  และแป้งจากถั่ว


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. ลำต้น
ถั่วลันเตามีลำต้นเป็นเถาเลื้อย  ที่มีลำต้นหลัก  และแตกกิ่งสาขาตามข้อของลำต้น  ลำต้นหลักสามารถยาวได้มากกว่า  2  เมตร

2. ใบ
ใบถั่วลันเตาเป็นใบประกอบ  มีก้านใบหลักแทงออกบริเวณข้อของลำต้น  ประกอบด้วยหูใบ  1  คู่  มีลักษณะเรียบหรือหยักลึก  โดยมีใบย่อยออกเป็นคู่ๆ  ตรงข้ามกัน  ใบมีสีเขียว  โคนใบสอบ  ปลายใบแหลม  ผิวใบเรียบ  มีขนขนาดเล็ก  มีเส้นใบชัดเจน

3. ดอก
ดอกถั่วลันเตาออกเป็นช่อ  ช่อละ  1-3  ดอก  แทงออกบริเวณระหว่างโคนใบของข้อในลำต้น  พันธุ์ที่ออกดอกเร็วจะออกดอกแรกบริเวณข้อที่  5-11  ส่วนพันธุ์ที่ออกดอกช้าจะออกบริเวณข้อที่  13-15  ดอกที่พบมี  2  สี  คือ สีขาว  และสีม่วง ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง  5  กลีบ  และกลีบดอก  3  กลีบ  คือ
– กลีบดอก  Standard  เป็นกลีบที่มีขนาดใหญ่ที่สุด  อยู่ด้านบนสุดของดอก  ดอกตูมที่ยังไม่บานจะมีกลีบดอกชนิดนี้ห่อหุ้มดอกทั้งหมด  แต่เมื่อดอกบาน  กลีบหุ้มนี้จะคลี่ออก  และปลายกลีบโค้งออกด้านหลัง
– กลีบดอก  Wing  เป็นกลีบดอกที่มีขนาดเล็กรองลงมา ประกอบด้วย 2 กลีบ อยู่ด้านข้างดอก
– กลีบดอก  Keel  เป็นกลีบดอกเรียวยาวคล้ายหลอด  อยู่บริเวณด้านในสุด ทำหน้าที่ห่อหุ้มเกสร  เกสรประกอบด้วยเกสรเพศผู้  10  เส้น  โดย  9  เส้น  เรียงล้อมรอบรังไข่ ส่วนอีก  1  เส้น  มีขนาดสั้นกว่า  จะแยกตัวอยู่อิสระ  ส่วนเกสรเพศเมียจะอยู่ตรงกลางสุดของดอกที่เป็นรังไข่แบนยาว  สีเขียว  ก้านชูเกสรโค้งยาว

4. ฝัก และเมล็ด
ฝักถั่วลันเตาอ่อนมีลักษณะสีเขียว  แบนเรียบ  แต่จะนูนเฉพาะบริเวณของเมล็ด  เมื่อฝักโตจะมีลักษณะอวบนูนทั้งฝัก  มองไม่เห็นส่วนของเมล็ด  ฝักจะโค้งคล้ายดาบ เมล็ดภายในฝักมีประมาณ  5-7  เมล็ด  ขึ้นอยู่กับพันธุ์


• ฝักอ่่อนนำมาปรุงอาหารได้หลายเมนู  เช่น  ผัดผัก  ผัดหมูถั่วลันเตา  รวมถึงนำมาลวกหรือรับประทานสดเป็นผักจิ้มน้ำพริก
•ยอดอ่อนนำมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก  หรือ  ใช้ปรุงอาหาร เช่น แกงเลียง  แกงจืด  เป็นต้น
• เมล็ดสด
– ใช้ปรุงอาหารจำพวกผัด  ทอดต่างๆ
– ใช้แปรรูปเป็นถั่วลันเตากระป๋อง  ถั่วลันเตาแช่แข็ง
• เมล็ดแห้ง
– ใช้คั่วเกลือรับประทานเป็นอาหารว่าง
– ใช้ผลิตแป้งจากถั่วลันเตา
• ต้น  และใบถั่วลันเตา  ใช้เป็นอาหารสัตว์ ใช้เป็นแหล่งอาหารหยาบสำหรับเสริมโปรตีน


ถั่วลันเตาสามารถเติบโต  และทนต่อสภาพดินทุกชนิดได้ดี  แต่ชอบดินร่วนปนดินเหนียว การระบายน้ำดี  เป็นกรดเล็กน้อย  ระดับ  pH 5.5-6.8  ดินมีความชื้น  ไม่ชอบดินแห้ง และแล้ง  เพราะเป็นพืชที่ไม่ทนต่อสภาพขาดน้ำ  แต่ไม่ชอบดินที่มีน้ำท่วมขังหรือแฉะเกินไป  ชอบอากาศเย็น จึงนิยมปลูกในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิระหว่าง  10-27  องศาเซลเซียส

การเตรียมดินแปลงปลูก
ถั่วลันเตามีระบบรากลึกในดินตื้น  การเตรียมดินควรไถดินลึกประมาณ  30  เซนติเมตร  แล้วตากดิน  5-7  วัน  พร้อมกำจัดวัชพืช  หลังจากนั้น  ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก  อัตรา  2-3  ตัน/ไร่  เพื่อปรับสภาพดิน  และเพิ่มแร่ธาตุดิน แล้วไถพรวนดินอีกครั้ง  พร้อมยกแปลงกว้าง  70-80  เซนติเมตร  สำหรับแถวเดียว และกว้างประมาณ  140-150  เซนติเมตร สำหรับแถวคู่  ส่วนความยาวตามความเหมาะสม  และให้เว้นร่องทางเดินประมาณ  50  เซนติเมตร  ในระหว่างแถว หากดินเป็นกรดจัด  โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกในภาคกลางตอนล่าง  ควรใส่ปูนขาวร่วมกับการหว่านปุ๋ยคอก

การปลูก
เมล็ดพันธุ์ที่ใช้จะใช้ประมาณ  5-8  กิโลกรัม/ไร่  เมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก  ให้แช่น้ำ  1  คืน และคลุกด้วยยากันเชื้อรา  สำหรับหลุมปลูกจะใช้วิธีการขุดหลุมหรือเป็นร่องยาวตื้นพอกลบเมล็ดได้  ลึกประมาณ  1-2.5  เซนติเมตร  พร้อมโรยด้วยปุ๋ยเคมีสูตร  15-15-15  อัตรา  30  กก./ไร่  การหยอดเมล็ดจะใช้เมล็ดหลุมละ  3-4  เมล็ด  ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ  30  เซนติเมตร  กลบด้วยหน้าดิน และคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง  แล้วรดน้ำให้ชุ่ม

หลังจากปลูก  3-5  วัน  เมล็ดถั่วลันเตาจะเริ่มงอก เมื่อต้นอ่อนมีใบจริง 3-5 ใบ หรือสูงประมาณ 8-10 เซนติเมตร ให้ถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง โดยให้เหลือเพียงหลุมละ 2 ต้น หรือหากเป็นการหยอดแบบไม่เป็นหลุมให้ถอนเหลือต้นเดียวตามระยะที่เหมาะสม

การทำค้าง
MulticollaC
เมื่อต้นถั่วมีอายุ  15-20  วัน  หรือสูง  15-20  เซนติเมตร  ถั่วจะเริ่มมีมือเกาะ  วึ่งระยะนี้ต้องทำค้างให้ถั่วเกาะ  โดยใช้ไม่ไผ่  ขนาด  2  นิ้ว ยาว  1.5 – 2  เมตร  ปักระหว่างหลุม ระยะห่าง  2-3  เมตร  แล้วรัดโยงด้วยเชือกหรือลวดเป็นชั้นๆ  4-6  ชั้น  และอาจรัดโยงในแนวดิ่งด้วยก็ได้

การให้น้ำ
การให้น้ำจะให้เพียงวันละ  1  ครั้ง  ในระยะ  1-2  เดือนแรก  และค่อยลดเป็น  2-3/ครั้ง  ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ  และความชื้นในดิน  แต่ละครั้งที่ให้น้ำควรให้เพียงหน้าดินชุ่ม ไม่ควรให้น้ำมากจนดินแฉะ  อาจให้โดยวิธีปล่อยน้ำไหลตามร่อง  แต่จะเปลืองน้ำหรือแบบสปริงเกอร์

การใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยที่ใส่  คือ สูตร  15-15-15  ในอัตรา  30  กก./ไร่ ใส่ในที่ถั่วลันเตาเริ่มออกดอก โดยโรยปุ๋ยตามแนวยาวของแถวทั้ง  2  ข้าง  ระยะห่างจากโคนต้น  8-10  เซนติเมตร พร้อมพรวน
ดินกลบปุ๋ย และรดน้ำตาม

การพรวนดิน และกำจัดวัชพืช
การพรวนดิน  และกำจัดวัชพืช ควรทำทุกๆ  2  อาทิตย์  จนต้นถั่วสูงได้  30-50  ซม.  แล้วจึงหยุด  วึ่งช่วงนี้ต้นถั่วจะสามารถแข่งเติบโตกับวัชพืชอื่นได้ดีแล้ว


การเก็บเกี่ยว
อายุการเก็บเกี่ยวของถั่วลันเตามีความแตกต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์  โดยทั่วไปจะใช้เกณ์  ดังนี้
– อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่  60-90  วัน หลังปลูก
– อายุการเก็บเกี่ยวจากจำนวนวันหลังดอกบาน  5-7 วัน
– ระยะการเก็บเกี่ยวจากความหนาของฝัก  พันธุ์ฝักเล็ก  หนา  0.44-0.68  เซนติเมตร  พันธุ์ฝักใหญ่ หนา  0.53-0.64  เซนติเมตร
– ลักษณะฝักอวบ  สีเขียวอ่อน  เปราะกรอบ  ไม่เหนียว

การเก็บฝักอ่อนถั่วลันเตา ควรเก็บเกี่ยวฝักสดวันเว้นวัน โดยทั่วไปมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวนาน  30-60  วัน ซึ่งต้องเก็บในระยะฝักอ่อนที่เต็มไปด้วยน้ำตาล หากฝักแก่ น้ำตาลจะถูกเปลี่ยนเป็นแป้งทำให้ความหวานลดลง และมีเส้นใย  และความเหนียวมากขึ้น

โรคและแมลง
1. โรคราแป้ง
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา  Uromyces  fabae  Pers  เกิดได้ในทุกระยะ  และเกิดกับทุกส่วนของพืช พบมากบริเวณใบ  มีอาการที่พบ  คือ  มีจุดสีขาวกระจายทั่วในส่วนต่างๆ  ต่อมามีการสร้างเส้นใย  และสปอร์สีขาว มองเห็นคล้ายแป้งฝุ่นขึ้นมากมาย  หากเกิดที่ใบ  ใบจะเหลืองซีดมีสีน้ำตาลทำให้สังเคราะห์แสงไม่ได้  ทำให้ลำต้นถั่วแคระแกร็น ออกดอก และติดฝักน้อย  หรือหากเกิดมากลำต้นจะเหี่ยวตาย

• การป้องกันกำจัด
– แช่เมล็ดก่อนปลูก  ด้วยไตรโฟลีนละลายน้ำที่  20  มก./20  ลิตร  หรือ เบนโนมิล  10  กรัม/20  ลิตร  นาน  12  ชั่วโมง
– การฉีดพ่นในระยะเติบโต  ด้วยสารซัลเฟอร์ ( 80% WP)  ละลายน้ำที่  5-15  กรัม/20  ลิตร  และฉีดพ่นซ้ำในระยะ  5-7  วัน

2. โรคเหี่ยว
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา  มีอาการ  คือ พบใบเหลืองบริเวณใบล่าง  แล้วลามขึ้นใบด้านบน ทำให้ใบเหลือง  และแห้งตายทั้งต้น  ลำต้นบริเวณเหนือดินมักเกิดสีแดง  หรือสีคล้ำกว่าส่วนอื่น  มักเกิดเมื่อต้นถั่วอายุประมาณ  1  เดือน  และมักพบในดินที่มีสภาพเป็นกรดจัด  และความชื้นสูง

• การป้องกันกำจัด
– การเตรียมดินควรโรยด้วยปูนขาว  อัตรา  200-400  กิโลกรัม/ไร่  ร่วมด้วยกับปุ๋ยอินทรีย์  2-3  ตัน/ไร่
– การเกิดโรคในระยะเติบโต  ให้รดโคนต้นและบริเวณรอบต้นด้วยน้ำปูนใสรด

3. แมลงวันเจาะ
เป็นแมลงวันขนาดเล็ก  ลำตัวมีสีดำ ชอบวางไข่บนใบถั่ว  เมื่อไข่ฝัก ตัวอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยง  ทำให้ใบเป็นรอยแผล  หากระบาดมากใบจะเหี่ยวเหลือง  ทำให้ลำต้นแห้งตายได้

• การป้องกันกำจัด
– ระยะเตรียมแปลงควรโรยหรือฉีดพ่นด้วยพอสซ์  (25%ST)  หรือฉีดพ่นด้วยฟิโปรนิล (5%SC)  หลังเมล็ดงอก  3-5  วัน





ข้อมูลอ้างอิง  :   https://puechkaset.com/

โพสต์โดย : POK@