Social :



เทคนิคการปลูกกะหล่ำปลี เชิงพาณิชย์ ให้ได้ผลผลิตที่ดีตลอดปี

08 มิ.ย. 62 11:06
เทคนิคการปลูกกะหล่ำปลี เชิงพาณิชย์ ให้ได้ผลผลิตที่ดีตลอดปี

เทคนิคการปลูกกะหล่ำปลี เชิงพาณิชย์ ให้ได้ผลผลิตที่ดีตลอดปี

เทคนิคการปลูกกะหล่ำปลี 
เชิงพาณิชย์ ให้ได้ผลผลิตที่ดีตลอดปี

กะหล่ำปลี    เป็นพืชที่ชอบอุณหภูมิต่ำ  และความชื้นสูง  อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ  15-20  องศาเซลเซียส  ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงพันธุ์  ทำให้สามารถปลูกได้ในสภาพอุณหภูมิสูงและปลูกได้ตลอดปี  เช่น  พันธุ์ทรอปปิคอล  ดีไลท์ (Tropical Delight), Ky-108 cross

สภาพดิน  :  กะหล่ำปลี  สามารถปลูก  ได้ในดินแทบทุกชนิด  แต่จะให้ผลผลิตสูง  ในดินที่มีสภาพร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรด-ด่าง อยู่ในช่วง  6.0-6.8


การเพาะกล้ากะหล่ำปลี   :  สามารถทำได้หลายวิธี คือ
1. การเพาะเมล็ดในแปลงเพาะกล้า  โดยการเตรียมแปลงกว้าง  1-1.5  เมตร  ความยาวขึ้นอยู่กับพื้นที่ยกแปลงให้สูง  15-20  ซม.  ปรับหน้าดินให้ละเอียด  ควรผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้ว  คลุกเคล้าให้เข้ากัน  แล้วทำการหว่านเมล็ดให้กระจาย  สม่ำเสมอทั่วแปลง  คลุมด้วยฟางข้าว  หรือแกลบข้าว  หนาพอประมาณ  รดน้ำให้ชุ่ม

ข้อควรระวัง :
- ถ้าหากมีมด  หรือแมลงมารบกวนอาจหว่านด้วยยาอะลามอน  หรือยาพวกเซฟวิน  ละลายน้ำรดบนแปลงหลังจากหว่านเมล็ด
- เมื่อต้นกล้าเริ่มมีใบจริง  1-2  ใบ  ฉีดยาป้องกันโรคและแมลงโดยใช้อะโซดรินผสมไดเทนเอ็ม  45  หรือคาโดนิลทุก  7-10  วัน
- ควรย้ายปลูกเมื่อต้นกล้ามีใบจริง  4  ใบ  หรืออายุประมาณ  25-30  วัน

2. การเพาะเมล็ดลงในกระบะเพาะกล้า เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการดูแลรักษาต้นกล้าและประหยัดเมล็ดพันธุ์ วิธีการนี้โดย การนำเอากระบะเพาะกล้าสำเร็จที่มีหลุมเพาะจำนวน  104  หลุม  แล้วบรรจุวัสดุเพาะที่เรียกว่ามีเดีย(Media) ซึ่งใช้แทนดินเพาะ ใส่ลงไปปรับให้เรียบแล้วรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์เพาะลงไปหลุมละ  1-2  เมล็ด  รดน้ำทุกวัน  หลังจากเพาะ  3-4  วัน  เมล็ดเริ่มงอก  ดูแลรักษาต่อไป  20-25  วัน  ต้นกล้ามีใบจริง 4 ใบ ก็สามารถย้ายลงไปปลูกในแปลงได้ ซึ่งการเคลื่อนย้าย ต้นกล้าก็สามารถยกไปทั้งกระบะและการะปลูกโดยวิธีนี้ทำให้ต้นกล้าตั้งตัวและมีอัตราการติดที่สูง


การเตรียมแปลงปลูก  และการย้ายปลูก  :   เนื่องจากกะหล่ำปลีเป็นพืชที่มีระบบรากตื้นควรไถดินลึกประมาณ 15-20 ซม. เพื่อปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์
Lif
ของดินควรใส่ปุ๋ยหมัก  หรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้ว  การปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน ควรใส่ปูนขาวหรือโดโลไมท์ด้วย แปลงปลูกควรกว้าง  90-100  ซม. ความยาวแล้วแต่ความเหมาะสมใน  1  แปลงปลูก  2  แถว  แต่ละแถวห่างจากขอบแปลงเข้ามา  25  ซม.  จะได้ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ  40-60  ซม.  แปลงปลูกควรรองพื้นด้วยปุ๋ยคอก  1-1.5  ตัน  ปุ๋ยเคมีสูตร  15-15-15  อัตรา  50  กก.  ฟูราดาน  3%  จี  3-5  กก./ไร่

การย้ายกล้า ควรย้ายกล้ากะหล่ำปลีเมื่อต้นกล้ามีขนาดพอดีซึ่งจะมีอายุอยู่ระหว่าง  25-30  วัน  แต่ถ้าต้นกล้ามีขนาดใหญ่เกินไปควรมีการตัด  ปลายใบออกบ้าง  ควรย้ายกล้าปลูกช่วงเวลาบ่ายถึงเย็น  หรือช่วงที่มีอากาศมือครึ้ม คลุมฟางหรือหญ้าแห้งสะอาดบางๆ  เพื่อช่วยรักษา  ความชื้นในดิน  และช่วยพรางแสงให้ต้นกล้าในระยะแรกของการปลูก


- การให้ปุ๋ย ให้ปุ๋ยสูตร  14-14-21  หรือ  13-13-21  สูตรใดสูตรหนึ่ง  อัตรา  50-70  กก./ไร่  แบ่งใส่  2  ครั้ง  ครั้งแรกใส่ปริมาณครึ่งหนึ่งรองพื้น ครั้งที่  2  อีกครั้งที่เหลือแบบโรยข้างแล้วพรวนกลบ  หรือหว่านในร่องน้ำและควรให้ปุ๋ยไนโตรเจนบ้าง  ตามความเจริญเติบโตของพืช
- การให้น้ำ  ต้องให้อย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต
- การพรวนดินกำจัดวัชพืช  และการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดโรคและแมลง ควรปฎิบัติบ่อยๆ  โดยเฉพาะระยะแรกของการเจริญเติบโต  นอกจากนี้ควรมีการใช้สารบอแรกซ์ฉีดพ่น  ด้วยในระยะห่อหัวจะช่วยให้กะหล่ำปลีห่อหัวได้ดีและแน่น  เพราะสารบอแรกซ์นี้  จะให้ธาตุโบรอนแก่พืชเพื่อให้การเจริญเติบโตด้วย

การเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี   :   ควรเลือกต้นกะหล่ำปลีที่ห่อหัวแน่นใช้มีดตัดให้มีใบติดมากับหัวกะหล่ำปลีด้วย  เพื่อป้องกันความชอกช้ำขณะขนส่งไม่ควรยืออายุการ  เก็บเกี่ยวให้นานเกินไป  เพราะจะเสี่ยงต่อการปริแตกของหัวรวมทั้งการเข้าทำลายของโรคและแมลง






ข้อมูลอ้างอิง  :   https://www.rakbankerd.com/

โพสต์โดย : POK@