Social :



กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนชาวนาที่หว่านข้าวแห้ง ในช่วงแล้ง

13 ส.ค. 62 11:08
กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนชาวนาที่หว่านข้าวแห้ง ในช่วงแล้ง

กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนชาวนาที่หว่านข้าวแห้ง ในช่วงแล้ง

กรมส่งเสริมการเกษตร  เตือนชาวนาที่หว่านข้าวแห้ง
ในช่วงแล้ง  จะทำให้ข้าวไม่งอก  และไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐฯ

นายวุฒิชัย  ชิณวงศ์  ผู้อำนวยการกองส่งเสริมโครงการพระราชดำริ การจัดการพื้นที่และวิศวกรรมเกษตร  ปฏิบัติหน้าที่  หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการแล้งฝนทิ้งช่วง  ปี  2562    กรมส่งเสริมการเกษตร   แจ้งเตือนเกษตรกรที่ทำนาเพาะปลูกข้าวโดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญของประเทศ  โดยบางส่วนไต้หันมาปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวจากวิธีการทำนาดำเป็นนาหว่านข้าวแห้งมากขึ้น  เนื่องจากขาดแรงงานในการปักดำ อีกทั้งยังประหยัดเวลา  และค่าใช้จ่าย

แต่จากสถานการณ์ที่มีปริมาณฝนตกน้อยหลายพื้นที่ในระยะนี้  ปัญหาที่จะตามมาจาก วิธีการหว่านข้าวแห้ง   คือ  จะทำให้การกระจายและความลึกของเมล็ดข้าวที่ถูกฝังกลบลงดินไม่สม่ำเสมอ  ส่งผลต่อเปอร์เซ็นต์การงอกของเมล็ดข้าวและอาจมีวัชพืชขึ้นแซมในนาข้าวด้วยทำให้ผลผลิต  และคุณภาพข้าวต่ำ หรือหากฝนทิ้งช่วงนานเกินไปจะทำให้เมล็ดข้าวที่หว่านไม่งอกเลย  ซึ่งการเกิดความเสียหายในกรณีนี้จะไม่ได้รับการช่วยเหลือภัยพิบัติด้านพืช  ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน  พ.ศ. 2562


สำหรับข้อแนะนำ การปลูกข้าวในช่วงแล้งหรือฝนทิ้งช่วง   เกษตรกรควรวางแผนช่วงเวลาการเพาะปลูกข้าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศในปัจจุบัน โตยติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศจากหน่วยงานราชการ กรมอุตุนิยมวิทยา  หรือศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์แล้งฝนทิ้งช่วง  ปี 2562 กรมส่งเสริมการเกษตร  หรือปรับเปลี่ยนไปเพาะปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ  การปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อย  การทำไร่นาสวนผสม หรือเกษตรทฤษฎีใหม่  เป็นต้น  นอกจากนี้ให้สำรวจแหล่งน้ำในพื้นที่  เพื่อประเมินน้ำที่จะใช้ในพื้นที่ไร่นาของตนเอง
MulticollaC
การเก็บกักน้ำไว้ในไร่นา  และหาแหล่งน้ำสำรอง  โดยประสานกับหน่วยงานด้านแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร  เพื่อแจ้งข้อมูลการเพาะปลูกข้าวในแต่ละรอบการผลิตกับกรมส่งเสริมการเกษตร  สามารถแจ้งข้อมูลได้  ณ  สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือปรับปรุงผ่าน  Mobile  Application  Farmbook   เพื่อให้ภาครัฐทราบข้อมูลสถานการณ์การผลิตและเกษตรกรจะไต้รับความช่วยเหลือเมื่อเกิดความเสียหาย  หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ  หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่








ข้อมูลอ้างอิง  :   https://www.technologychaoban.com

โพสต์โดย : POK@