ทำความรู้จักกัย 10 ประโยชน์ จากออกซิน ที่คุณอาจยังไม่รู้มาก่อน
ทำความรู้จักกัย 10 ประโยชน์
จากออกซิน ที่คุณอาจยังไม่รู้มาก่อน
ออกซิน (Auxins) เป็น
สารเร่งการเจริญเติบโต ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมนุษย์เราสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เองด้วยกรรมวิธีทางเคมี ซึ่งมีอยู่หลายชนิด แต่ที่พบมากสุดในพืช คือ
ชนิด IAA(Indole-3-Acetic Acid ) สำหรับบทบาทของออกซินที่พืชผลิตขึ้นนั้นหลักๆ เป็นไปเพื่อการยืดขยายเซลล์หรือเพิ่มจำนวนเซลล์ พบมากในส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อเจริญ เช่น ตายอด ,ปลายราก ,ยอดอ่อน,ตา,ผลอ่อน หรือในส่วนต่างๆ ของพืชที่กำลังเจริญเติบโต และมีอิทธิพลต่อการข่มตาข้างไม่ให้เจริญ (Apical Dominance) ตามธรรมชาติแล้วพืชจะเคลื่อนย้ายออกซินจากส่วนยอดลงโคนต้น ผ่านท่อน้ำ-ท่ออาหารของพืช
ส่วนออกซินที่มนุษย์ผลิตขึ้นมานั้น เป็นไปเพื่อการนำคุณสมบัติด้านต่างๆ ของออกซินที่มนุษย์ค้นพบมาใช้กับพืชปลูกในแง่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ณ ที่นี้จะขอกล่าวถึงออกซินชนิดสังเคราะห์ที่มนุษย์ผลิตขึ้นใช้เอง ซึ่งมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน แต่ที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรมากที่สุด คือ NAA ,IBA ,2,4-D และ 4-CPA
-NAA(Naphthyl Acitic Acid) เป็นตัวช่วยชั้นดีในการขยายพันธุ์พืชที่ออกรากยาก เช่น ทุเรียน มังคุด ละมุด ใช้ได้ทั้งการชำ การตอน ติดตา และทาบกิ่ง นอกจากนี้ยังนำมาใช้ป้องกันการร่วงหล่นของผล และเปลี่ยนเพศดอกของพืชได้ด้วย สาร NAA ตามท้องตลาดทั่วไป มีชื่อการค้าที่หลากหลาย เช่น Planofix ,Gro-Plus ,Panter
-IBA(Indole-3-Butyric Acid) เป็นตัวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเร่งรากพืชในงานตอน-ชำกิ่ง สาร IBA นี้จะไปกระตุ้นให้เกิดรากขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่เป็นพิษต่อใบพืช จึงไม่ควรนำไปใช้กับส่วนอื่นของพืช มีชื่อการค้า เช่น Seradix เบอร์ 1/เบอร์ 2/ เบอร์ 3 ,Root-Gro
-2,4-D (2,4-Dichlorophenoxyacetic Acid) เป็นตัวที่รู้จักกันดีในนามของสารกำจัดวัชพืชใบกว้าง(ใบเลี้ยงคู่) นิยมนำมาใช้กำจัดวัชพืช เพราะมีฤทธิ์สูงมาก แต่ถ้านำมาเจือจางสามารถนำไปปรับใช้เรื่องการลดการร่วงของผลพืชตระกูลส้มได้
-4-CPA (4-Chlorophenoxyacetic Acid) มีความนิยมใช้ทางการเกษตรน้อยมาก เมื่อเทียบกับตัวอื่น นิยมนำมาใช้เพื่อเพิ่มการติดผลของมะเขือเทศ ซึ่งเกิดผลข้างเคียง คือทำให้เกิดผลกลวงไม่มีวุ้นหุ้มเมล็ด นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้ขยายขนาดผลสับปะรด,องุ่นและกำจัดวัชพืชได้ด้วย ในประเทศเราไม่มีสารชนิดนี้ขายในรูปเคมีเกษตร แต่สามารถหาซื้อในรูปสารบริสุทธิ์สีขาวได้ตามร้านเคมีภัณฑ์ทั่วไป
สำหรับ ประโยชน์ของออกซิน (Auxins) ที่นิยมนำมาใช้ทางการเกษตร หลักๆ แล้วมี 10 แนวทาง ดังนี้ 1. กระตุ้นการเกิดราก : ใช้ได้ทั้งชนิด NAA และ IBA แต่ที่นิยมทั่วไปคือ IBA เพราะเคลื่อนย้ายช้า สลายตัวเร็ว เร่งรากได้ดี โดยเฉพาะ IBA ยี่ห้อ Seradix ที่มีระดับความเข้มข้น 3 ระดับให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมด้วยกัน คือ
- Seradix เบอร์ 1 เหมาะสำหรับไม้เนื้ออ่อนหรืออวบน้ำ - กึ่งแข็ง
- Seradix เบอร์ 2 เหมาะสำหรับไม้เนื้อกึ่งแข็ง - เนื้อแข็ง
- Seradix เบอร์ 3 เหมาะสำหรับไม้เนื้อแข็ง-ออกรากยาก
โดยสารออกซินนี้จะไปการตุ้นให้เกิดรากแขนงได้ดี และเกิดการเติบโตทางส่วนของต้นและรากที่สมดุลย์กัน การใช้จึงควรเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม หากใช้ในความเข้มข้นมากรากที่เกิดมาจะผิดปกติ อาจมีลักษณะสั้นกุด เป็นกระจุก หรือไม่เกิดรากเลย ส่วนการใช้ IBA จะกระตุ้นการเกิดรากได้ดี แต่อาจกระทบต่อการเติบโตทางใบของพืชได้ จึงไม่ควรนำไปใช้กับส่วนอื่นๆ ของพืช
2. เร่งการเติบโตของพืช : ออกซินสามารถนำมาใช้เร่งการเติบโตของพืชได้ทุกส่วน ในส่วนที่นำมาใช้กับต้นจะมีความเข้มข้นมากกว่าส่วนที่ใช้กับรากและดอก
และการนำมาใช้เร่งการเติบโตของพืชแต่ละชนิด จะมีความเข้มข้นแตกต่างกันออกไป แต่ไม่ควรใช้มากเกินไป เพราะอาจทำให้พืชไม่โต เนื่องจากออกซินนี้มีอิทธิพลต่อการแตกออกของตาข้าง
3. ควบคุมทรงพุ่ม : อีกหนึ่งคุณสมบัติของออกซิน คือ ข่มการแตกออกของตาข้าง ทำให้ตาข้างไม่เจริญ ไม่มีการแตกออกของกิ่งก้านสาขาหรือทรงพุ่ม (Apical Dominance) ต้นพืชจึงเกิดอาการโตในทางสูงอย่างเดียวไม่แตกพุ่ม ออกซินจึงมีผลให้ส่วนต่างๆ ของพืชยืดยาวขึ้น โดยกระตุ้นให้เกิดการสร้างผนังเซลล์มากขึ้น
4. เปลี่ยนเพศดอก : นิยมนำมาใช้เปลี่ยนเพศดอกของพืชที่มีดอกไม่สมบูรณ์เพศ เช่น มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่คนละต้นกัน หรือ มีดอกตัวผู้-ตัวเมียอยู่ในต้นหรือช่อเดียวกัน การใช้เปลี่ยนเพศดอกของพืชแต่ละชนิดจะใช้ในความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและให้ผลดีคือ การเปลี่ยนดอกเงาะตัวเมียเป็นดอกเงาะตัวผู้ โดยทั่วไปแล้วจะใช้ NAA ฉีดพ่นช่อดอกเงาะต้นตัวเมีย ซึ่งเงาะเป็นพืชที่มีดอกแยกต้น ซึ่งชาวสวนไทยจะไม่นิยมปลูกต้นตัวผู้ไว้ในแปลงเพราะไม่ให้ผลผลิต จึงโค่นทิ้ง เมื่อมีแต่ต้นเงาะตัวเมียก็จะไม่เกิดการผสมพันธุ์ จำต้องนำออกซินเข้ามาช่วยในการนี้ การใช้ออกซินเปลี่ยนเพศเงาะจะใช้ในอัตรา 100 มิลลิกรัมต่อลิตร ฉีดพ่นในระยะที่ดอกยังตูมอยู่
5. กระตุ้นการแบ่งเซลล์ของเยื่อเจริญ : ออกซินจะไปกระตุ้นการแบ่งเซลล์ของพืช จึงทำให้มีเนื้อไม้มากขึ้น และส่งเสริมให้เกิดการเติบโตด้านข้างมากขึ้น
6. ควบคุมการออกดอก/กระตุ้นการออกดอกของพืชบางชนิด : การนำออกซินมาใช้กับพืช เช่น สับปะรด ลิ้นจี่ มะม่วง จะสามารถกระตุ้นให้พืชเกิดดอกเร็วขึ้น หรือออกดอกพร้อมกันได้ทั้งรุ่น
7. ทำให้เมล็ดลีบหรือไม่เกิดเมล็ดในผลไม้ : ในการผลิตพืชไร้เมล็ด เช่น ฝรั่ง องุ่น แตงโม สามารถใช้ออกซินมาช่วยในการจัดการได้ โดยฉีดพ่นออกซินขณะที่ดอกบาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจริญของผลโดยไม่มีการผสมเกสร ทำให้ได้ผลที่มีจำนวนเมล็ดน้อยลงหรือไม่มีเลย
8. เพิ่มการติดผลของพืช : การใช้ออกซินชนิดต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มการติดผลของพืชได้ เช่น การใช้ NAA เพิ่มการติดผลพริก,การใช้ 2,4-D เพิ่มการติดผลของส้มเขียวหวาน หรือแม้แต่การใช้ 4-CPA เพิ่มการติดผลในมะเขือเทศ ซึ่งการจะใช้ออกซินเพิ่มการติดผลได้ดีในพืชที่มีเมล็ดมากเท่านั้น
9. ลดการหลุดร่วงของใบ ดอก และผล : เมื่อ ใบดอก ผล แก่ตัวลงจะมีการสร้างออกซิเจนในเซลล์ต่างๆ น้อยลงทำให้เกิดการหลุดร่วงไป หากมีการพ่นออกซินในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดการหลุดร่วงของใบ ดอก และผลได้ นิยมนำมาใช้กับ องุ่น ,มะม่วง ,ลองกอง-ลางสาด และส้ม
10. เป็นสารกำจัดวัชพืช : เป็นคุณสมบัติที่เด่นของออกซิน เพราะออกซินทุกชนิดสามารถนำมาใช้กำจัดวัชพืชได้ ถ้าใช้ออกซินที่มีความเข้มข้นสูง ก็จะสามารถฆ่าพืชได้ โดยเฉพาะพืชใบกว้างทุกชนิด ออกซินจะออกฤทธิ์ได้ดี ชนิดที่นิยมนำมาใช้กำจัดวัชพืชคือ 2,4-D และ 4-CPA ซึ่งออกซินชนิดนี้จะเข้าไปรบกวนการสร้าง DNA และ RNA ทำให้วัชพืชเกิดการเติบโตผิดปกติและตายไป การใช้งานออกซินกำจัดวัชพืชให้ได้ผลดีสุดคือ ช่วงเช้ามืดของวันที่ไม่มีแดด
หมายเหตุ : การใช้ฮอร์โมนพืชเหล่านี้เกิดทั้งผลดีและผลเสียให้แก่พืชปลูกและสภาพแวดล้อมได้ จึงควรพิจารณาใช้ตามความเหมาะสมในปริมาณที่กำหนด
โพสต์โดย : POK@