Social :



เทคนิคการเพาะเห็ดหอม จากเศษขี้เลื่อย

16 ส.ค. 62 11:08
เทคนิคการเพาะเห็ดหอม จากเศษขี้เลื่อย

เทคนิคการเพาะเห็ดหอม จากเศษขี้เลื่อย

เทคนิคการเพาะเห็ดหอม
จากเศษขี้เลื่อย

การเพาะเห็ดหอม ในถุงพลาสติก  ในสภาพธรรมชาติได้ประสบความสำเร็จมา  ตั้งแต่  พ.ศ.  2521  ปัจจุบันในการเพาะเห็ดหอมด้วย  วิธีเพาะเลียนแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ไม้ก่อ (ไม้ที่ควรสงวนและรักษา)  โดยใช้หลักการที่ว่า  เห็ดหอม สามารถย่อยเซลลูโลสและลิกนินได้  ขี้เลื่อย จึงเป็นวัสดุเพาะที่ใกล้เคียงที่สุด  และช่วยแก้ไขปัญหาการนำไม้ก่อมาใช้เพาะเห็ดหอมได้อีกทางหนึ่ง


วัสดุอุปกรณ์
1.  วัสดุเพาะที่ได้ผลดี  คือขี้เลื่อยไม้มะขามรองมาคือ ขี้เลื่อยไม้ยางพารา  ขี้เลื่อยไม้กระถินณรงค์หรือขี้เลื่อยไม้เบญจพรรณหมัก  และวัสดุเสริม ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้  ขี้เลื่อย  100  กก.  รำข้าว  5  กก.  น้ำตาลทราย  2  กก.  ดีเกลือ  0.2  กก.  ยิบซั่ม  0.5  กก.  ผสมน้ำให้มีความชื้น  55-65%
2.  ถุงพลาสติกทนร้อน และอุปกรณ์การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก
3.  หม้อนึ่งความดัน หรือถังนึ่งไม่อัดความดันพร้อมอุปกรณ์การให้ความร้อนในการนึ่งฆ่าเชื้อ
4.  โรงเรือน หรือสถานที่บ่มเส้นใยและให้ผลผลิต


วิธีการเพาะ
1.  ผสมวัสดุเพาะ  และวัสดุเสริมทั้งหมดให้เข้ากันอย่าให้แห้งหรือแฉะ  ให้วัสดุพอจับตัวกันได้  เมื่อบีบดูต้องไม่มีหยดน้ำ  เมื่อคลายมือออก ส่วนผสมต้องไม่แตกร่อนออกอย่างรวดเร็ว
2.  บรรจุส่วนผสมลงในถุงพลาสติกทนร้อน  อัดแน่นพอประมาณ  ถุงละ  1/2  กก.- 1  กก.  ใส่คอขวดปิดจุกสำลี  และปิดทับด้วยกระดาษหรือฝาครอบกันไอน้ำ
3.  แล้วนำไปนึ่งฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งความดันเป็นเวลา  40  นาที  ถึง  1  ชั่วโมง  ด้วยความดัน  15-20  ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (หรือใช้ถังนึ่งไม่อัดความดันก็ได้ผลดีพอควร  โดยเริ่มจับเวลาตั้งแต่ไอน้ำเดือดพุ่งตรงสม่ำเสมอ เป็นเวลา  2-4  ชั่วโมง  ต้องรักษาระดับไอน้ำไว้ตลอดเวลาด้วยการปรับความร้อนให้มีอุณหภูมิภายในถังนึ่ง  85-100  องศาเซลเซียสตลอดเวลา) แล้วทิ้งให้เย็น
4.  แกะกระดาษหรือฝาครอบออก  เปิดจุกสำลีแล้วใส่เชื้อเห็ด (นิยมใช้หัวเชื้อเห็ดจากเมล็ดข้าวฟ่าง)  ควรทำในบริเวณที่สะอาด  ป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค  แล้วนำไปบ่มเส้นใย

การบ่มเส้นใย
ระยะเวลาที่บ่มเส้นใย  3-4  เดือน  ขึ้นกับน้ำหนักอาหารที่ใช้  หรือมีการสร้างตุ่มดอกประมาณ  2/3  ของก้อนเชื้อ


ปัจจัยที่สำคัญและการดูแลรักษา
อุณหภูมิ
การบ่มเส้นใยเห็ดหอมที่ดีที่สุดคือที่อุณหภูมิ  25  องศาเซลเซียส การทำห้องหรือโรงเรือนที่ตั้งอยู่ใต้ร่มเงาไม้สำหรับบ่มเส้นใยอย่างง่าย  เช่น  ทำจากหญ้าคา  ,จากฟาง  ,ไม้ไผ่  ฯลฯ  ก็ได้  และมีการให้น้ำภายนอกโรงเรือน  หรือบริเวณพื้นโรงเรือนเป็นครั้งคราวเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า  25  องศาเซลเซียส

ความชื้น
ระยะบ่มเส้นใย  ต้องการความชื้นในบรรยากาศในระดับปกติ  คือ  ประมาณ  50%  ไม่ต้องให้น้ำที่ถุงเห็ด  ถ้ามีความจำเป็นต้องให้น้ำโรงเรือนต้องระวังมิให้น้ำถูกสำลีที่จุกปากถุง  เพราะจะเป็นทางทำให้เกิดเชื้อโรคไปทำลายเชื้อเห็ดได้
Lif

ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมต่อการสร้างดอกเห็ด  และการเจริญของดอกเห็ด  อยู่ระหว่าง  80-90%  และ  60-70%  ตามลำดับ  การผ่านลมเย็นในขณะดอกเห็ดเจริญ  จะทำให้หมวกเห็ดแตก คล้ายกับดอกเห็ดหอมที่นำเข้าจากต่างประเทศ

อากาศ
การถ่ายเทอากาศที่ดีจำเป็นต่อการเจริญของดอกเห็ด และทำให้มีการสะสมเชื้อโรคน้อยลง ถ้ามีการสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากจะทำให้เห็ดมีก้านยาว บางครั้งหมวดเห็ดอาจจะไม่เจริญหรือมีลักษณะผิดปกติอื่น ๆ

แสง
ช่วยกระตุ้นให้เส้นใยเกิดตุ่มเห็ด  สร้างแผ่นสีน้ำตาล  และเจริญเป็นดอกเห็ดได้เร็วกว่าที่มือ และยังช่วยให้หมวดเห็ดมีสีเข้มไม่จางซีด

การแช่น้ำเย็น
หลังจากบ่มเส้นใยสมบูรณ์แล้ว  ให้แช่ก้อนเชื้อในน้ำเย็น  2  ชั่วโมง  หรือค้างคืนก็ได้  เพื่อกระตุ้นให้เกิดดอก


การให้ผลผลิต
โดยเปิดปากถุงให้ออกดอกทางด้านบนหรือเปลือยก้อนเชื้อ  โดยแกะถุงพลาสติกออกทั้งหมดให้ก้อนเชื้อสัมผัสอากาศเป็นการกระตุ้นให้เกิดดอกเห็ด  ถ้าต้องการเห็ดดอกใหญ่ก็เปิดให้มีการเกิดดอกเป็นบางส่วน  การเปลือยก้อนเชื้อจะได้ดอกเห็ดจำนวนมากแต่ดอกจะเล็ก  และอาจจะมีการปนเปื้อนจากเชื้อโรค  หรือถูกกระทบจากสภาพแวดล้อมได้ง่าย  ผลผลิตดอกเห็ดสดจะได้  50-400  กรัมต่อก้อนเชื้อ  1/2 - 1  กก.  ขึ้นกับความใส่ใจและเทคนิควิธีการของผู้เพาะเห็ด

การเก็บเกี่ยวผลผลิตและการทำแห้ง
ในการเก็บผลผลิตนั้น ควรเก็บดอกเห็ดขณะที่หมวกเห็ดยังไม่บานเต็มที่ หรือขอบหมวกยังงุ้มอยู่ ซึ่งเป็นลักษณะที่ตลาดต้องการ และอย่าได้ส่วนของดอกเห็ดเหลือติดอยู่ที่ก้อนเชื้อ จะทำให้เน่าเสียและเกิดโรค ในขณะที่เก็บผลผลิตถ้ามีการให้น้ำที่ดอกเห็ดมากเกินไปจะทำให้ดอกเห็ดเน่าเสียง่าย ถ้าไม่มีการให้น้ำดอกเห็ดเมื่อเก็บดอกเห็ดแล้วใส่ถุงพลาสติกไว้จะสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 3-4 สัปดาห์

1.  การตากแห้ง  โดยตากแดด   จนกว่าดอกเห็ดจะแห้งสนิท  ควรหลีกเลี่ยงตากแดดจัดมากเกินไป  เพราะจะทำให้ดอกเห็ดไหม้เกรียมและควรคว่ำดอกเห็ดให้ครีบอยู่ด้านใต้ เพื่อป้องกันครีบสีคล้ำ  การตากแดดเป็นวิธีลดความชื้นในดอกเห็ดในเวลาอันรวดเร็ว  ทำให้ดอกเห็ดยุบตัวมากเมื่อดอกเห็ดแห้งสนิทดีแล้ว เก็บในภาชนะที่กันความชื้น มิฉะนั้นอาจจะมีเชื้อราเกิดขึ้นได้

2.  การอบแห้ง  ใช้ลมร้อนค่อยๆ   ลดความชื้นภายในดอกเห็ด  ซึ่งจะได้เห็ดที่มีคุณภาพที่ดีกว่าเห็ดที่ตากแดด  การอบใช้อุณหภูมิ  เริ่มแรกประมาณ  30  องศาเซลเซียส  จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิขึ้นทีละ  1-2  องศา  ทุก  1  ชั่วโมง  จนถึง  50  องศาแล้วเพิ่มให้เป็น  60  องศาและรักษาอุณหภูมิระดับนี้ไว้ประมาณ  1  ชั่วโมง  เพื่อเพิ่มรสชาติ  กลิ่น  และทำให้ดอกเห็ดหอมมีลักษณะเป็นเงาสวยงาม








ข้อมูลอ้างอิง  :   https://www.baanjomyut.com

โพสต์โดย : POK@