พปชร.ประชุมส.ส.เตรียมความพร้อมอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบ63

พปชร.ประชุมส.ส.ติดตามการทำงาน พร้อมเตรียมความพร้อมอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบ63 โดยวางตัวสมาชิกอภิปรายประมาณ 20 คน และมีข้อสรุปอีกครั้ง 15 ต.ค.นี้

พรรคพลังประชารัฐ จัดประชุมส.ส.พรรค เพื่อติดตามความคืบหน้าในการทำงานของสมาชิก ในช่วงปิดสมัยประชุม ทั้งประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งซ่อม ในพื้นที่เขต 5 จังหวัดนครปฐม การเคลื่อนไหวของ 7 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการทำงานของรัฐบาล ในโครงการ ชิม ช้อป ใช้ การประกันรายได้ของเกษตรกร อีกทั้งในเรื่องของประเด็นสารเคมีอันตรายทางการเกษตร ส่วนใหญ่ส.ส.ได้แลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลลงพื้นที่ของแต่ละคน นอกจากนี้ ในที่ประชุมมีการเตรียมความพร้อม การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17-18 ต.ค. เพื่อให้สมาชิกมีข้อมูลและความพร้อมในการพิจารณา

ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงาน พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า เตรียมวางตัวบุคคลที่จะอภิปรายชี้แจงการจัดสรรงบประมาณไว้ 20 คน ซึ่งในที่ประชุมนายอุตตมะ สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ชี้แจงว่าวันที่ 15 ตุลาคม เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักงบประมาณฯ จะมาชี้แจงและสรุปประเด็นรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ให้กับ ส.ส.ของพรรคเข้าใจ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการประชุม ส.ส.พลังประชารัฐ ว่า มีการหารือเรื่องเตรียมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยจะมีการทำความเข้าใจในรายละเอียดอีกครั้ง วันอังคารที่ 15 ตุลาคม นี้ เพื่อให้สมาชิกเข้าใจรายละเอียดของงบประมาณที่จะนำเสนอต่อสภาฯ และได้มอบหมายบุคคลที่รับผิดชอบเนื้อหาในแต่ละด้าน

ส่วนประเด็นการแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำของ พรรคร่วมรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องที่วิปรัฐบาลต้องประสานต้องไปทำงานอย่างใกล้ชิด ต้องทำความเข้าใจกันในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ในส่วนของฝ่ายค้านไม่ขอเข้าไปก้าวล่วง

พร้อมกันนี้ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้แบ่งว่าเป็นนโยบายของพรรคใด แต่ทำในภาพรวมของรัฐบาลเป็นหลัก รัฐบาลพยามเร่งรัดการทำงานของแต่ละกระทรวง และเริ่มมีผลงานเป็นรูปธรรม แต่ต้องใช้เวลา ในการขับเคลื่อนผลักดันที่ทำให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากที่สุด

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews