เป็นห่วง! นายกฯสั่งเพิ่มเข้มใต้-ห่วงเด็กถูกจับลิขสิทธิ์

นายกรัฐมนตรี กำชับเจ้าหน้าที่ยะลาระวังตัว เหตุ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เสียชีวิต 15 ศพ ห่วงเด็กขายกระทงถูกจับละเมิดลิขสิทธิ์ ชี้ต้องตรวจสอบว่าเป็นการ ล่อซื้อเพื่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือไม่ ไม่ขัดข้อง"อภิสิทธิ์" ประธาน กมธ.ศึกษาแก้ รธน.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณีเหตุการณ์ก่อความไม่สงบใน จ.ยะลา จนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. เสียชีวิต 15 ศพ ว่า ทราบข้อมูลข้างต้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว และได้กำชับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังมากที่สุด เนื่องจากบางจุดตรวจอยู่ห่างจากฐานมากพอสมควร และสิ่งสำคัญขณะนี้เป็นห่วงครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด โดยได้สั่งการให้ ศอ.บต.ได้ดำเนินการให้การดูแลและเยียวยา

ส่วนมาตรการการดูแลจะมีการยกระดับขึ้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการวางมาตรการอยู่แล้ว แต่จุดใดก็ตามที่เป็นจุดอ่อน กลุ่มผู้ก่อเหตุก็จะให้พื้นที่มากดดัน เพื่อให้มีผลต่อการเจรจา ซึ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น พร้อมมีการประชุมของ กอ.รมน. ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการวางกองกำลังให้เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันเจ้าหน้าที่เองก็มีความเสี่ยงมากในการดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และไม่อยากให้สื่อมวลชนขยายความออกไป

ด้านการความร่วมมือกับทางมาเลเซียในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียแล้วหลายเรื่อง ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการเจรจาพูดคุยมาโดยตลอดหลังการเปลี่ยนตัวคณะพูดคุยฯ ซึ่งไทยเองก็ปรับการเจรากับผู้ที่มีบทบาทการใช้ความรุนแรงยังประเทศมาเลเซีย

ส่วนกรณีการนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศเพื่อน ขอลี้ภัยเข้าไทยนั้น นายกรัฐมนตรี เผยว่า ตนได้ดำเนินการอยู่แล้ว และหากทำตามมติของอาเซียน จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในซึ่งกันและกัน และไม่ยอมให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลใช้พื้นที่ของไทยเข้ามาเคลื่อนไหว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีตัวแทนลิขสิทธิ์ดำเนินการล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จากเด็กวัย 15 ปี ที่ประดิษฐ์กระทงรูปตัวการ์ตูนดังขาย ว่า การจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องดูว่าเป็นการล่อซื้อหรือล่อให้เกิดกระทำความผิด เพราะทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ หากเด็กมีการทำกระทงรูปการ์ตูนดังขายอยู่แล้ว ก็จะต้องหาพยายานหลักฐานเพิ่มเติม แต่หากเป็นการล่อซื้อเพื่อให้เกิดกระทำความผิด นั้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้มีการชี้แจงในเรื่องนี้แล้ว ว่าคดีนี้เข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ และกรมทรัพย์สินทางปัญญา จะต้องให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลายอย่างอาจจะเกิดเพราะเหยื่อรู้เท่า ไม่ถึงการณ์ ซึ่งทุกคนจะต้องศึกษา กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะทุกวันนี้มีการหลอกลวงมากขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุด ก็มีเรื่องแชร์เกิดขึ้นอีก จึงขอเตือนในเรื่องนี้ ซึ่งหากมีผลกระทบก็สามารถร้องเรียนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที พร้อมฝาก พร้อมฝากให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการตรวจสอบ เรื่องของข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน และข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ในเว็บไซต์ต่างๆ เพราะเรื่องนี้ส่งผลต่อการเดินหน้าของประเทศด้วย

พร้อมกันนี้ ได้กำชับในเรื่องของการใช้ พ.ร.บ.ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ต้องอย่าไปกระทำความผิด และหากทำผิดจะต้องถูกลงโทษ นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ช่วยให้ความรู้แก่เด็ก เพราะเด็กถูกหลอกง่ายจึงจะต้องมีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย เป็นการพูดคุยนโยบายทางการเมือง เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกันในทุกมิติ ส่วนการลงนามในการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป นั้น ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าเพื่อให้มีความก้าวหน้ามากที่สุด ซึ่ง 15 ประเทศอาเซียนได้ตอบรับทั้งหมดแล้ว เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายก่อนนำไปสู่การปฏิบัติ ส่วนประเทศที่ไม่ร่วมมือถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ต้องเคารพซึ่งกันได้กัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคและอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ส่วนตัวไม่ขัดข้องหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของ กมธ. และมีการกำหนดคุณสมบัติไว้อยู่แล้ว ซึ่งนี่เป็นเพียงขั้นตอนการศึกษาแต่การแก้ไขต้องใช้เวลา

ส่วนสัดส่วนกรรมาธิการฯ น่าจะจัดสรรตามโควต้าทั้งส่วนรัฐบาล พรรคร่วม และฝ่ายค้าน และข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้สามารถตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบเรื่องนี้

ส่วนที่กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เชิญตนไปชี้แจงในประเด็นการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำ 2563 ทั้งที่ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า วันนี้ติดภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรี จึงได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังกรรมาธิการฯ แล้วจากนี้จะมีการหารือถึงแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:innnews