Social :



หวั่นเกิดเหตุบานปลาย! ศธ.ยื่น”บิ๊กแดง”ตรวจสอบต้นต่อข่าวเท็จบังคับเรียนศาสนา

07 พ.ย. 62 07:11
หวั่นเกิดเหตุบานปลาย! ศธ.ยื่น”บิ๊กแดง”ตรวจสอบต้นต่อข่าวเท็จบังคับเรียนศาสนา

หวั่นเกิดเหตุบานปลาย! ศธ.ยื่น”บิ๊กแดง”ตรวจสอบต้นต่อข่าวเท็จบังคับเรียนศาสนา






ศธ. ยื่นหนังสือถึง"บิ๊กแดง"ช่วยตรวจสอบต้นต่อแพร่ข่าวเท็จอ้าง"คุณหญิงกัลยา"บังคับเด็กไทยทั่วประเทศเรียนศาสนาอิสลาม ชี้ไม่ใช่เรื่องจริง หวั่นเกิดเหตุบานปลาย



นายกันติพจน์ สิริภักดิสกุล ที่ปรึกษาและเลขานุการคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ และนายอุดมการณ์ วรกิจ ผู้ชำนาญการคนที่ 2 ของ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยทีมโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เรื่องขอความร่วมมือตรวจสอบและระงับข่าวปลอมเรื่องการบังคับใช้หลักสูตรอิสลามในโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยมี พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เป็นตัวแทนรับเอกสาร

MulticollaC


 

ทั้งนี้ นายกันติพจน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการแชร์ภาพและข้อความในสื่อสังคมออนไลน์โจมตีการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ และมีการเชิญชวนกันลงรายชื่อคัดค้านคุณหญิงกัลยา โดยอ้างว่าคุณหญิงกัลยาจะบรรจุหลักสูตรศาสนาอิสลามลงไปในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการบังคับให้เด็กไทยทุกคนเรียนหลักสูตรศาสนาอิสลามทุกคน ซึ่งเป็นข้อมูลที่บิดเบือน โดยมีการนำเอกสารหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ต้องการสำรวจโรงเรียนที่สอนศาสนาอิสลามเพื่อนำมาประกอบการทำงานงบประมาณปีต่อไป เพื่อต้องการทราบว่ามีทั้งหมดกี่โรงเรียน ในส่วนนี้ได้ทำการสำรวจโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สังกัดสพฐ. โดยมีเงื่อนไขว่าถ้ามีนักเรียนมุสลิมเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปให้ห้องเรียนสอนศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะให้กับเด็ก โดยให้เฉพาะนักเรียนที่เป็นมุสลิมมาเรียนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับนักเรียนที่เป็นไทยพุทธ แต่มีการนำไปเผยแพร่ว่าคุณหญิงกัลยาบังคับให้เรียน และยุยุงปลุกปั่นให้คนที่นับถือศาสนาพุทธมาร่วมลงชื่อคัดค้าน ซึ่งสิ่งที่กระทำนี้ถือว่าเข้าข่ายมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และคนที่เป็นผู้เผยแพร่จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องส่งต่อลุกลามบานปลายไปกันใหญ่ โดยเรามองว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง เพราะจะมีการสร้างความแตกแยกระหว่างสองศาสนา ทางคณะทำงานฯอยากขอความร่วมมือกองทัพบกช่วยตรวจสอบต้นตอข้อมูลบุคคลผู้นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และดำเนินคดีกับผู้นำเข้าข้อมูลและส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จนี้โดยเจตนาตามที่กฎหมายกำหนด


 

อย่างไรก็ตาม จากนี้ทางทีมโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายกระทรวงศึกษาธิการจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)ต่อไปด้วย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด