เทคนิคการปลูกกวางตุ้งไร้ดิน
เทคนิคการปลูกกวางตุ้งไร้ดิน
กวางตุ้ง เป็นผักที่มีวิตามินซี และเบตาแคโรทีนสูง ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้บำรุงสุขภาพดวงตาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ และ สามารถทานได้ในแบบผักสดหรือจะนำไปปรุงอาหาร เช่น แกงจืด ต้มจับฉ่ายหรือนำไปผัดร่วมกับเนื้อก็อร่อยได้ไม่แพ้กัน ทั้งยังหาซื้อได้ตามตลาดสดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตได้ตลอดปี แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผักที่ซื้อหามานั้น มีอะไรสารพิษปลอมปนมากับความสวยงามด้วยหรือไม่ สำหรับการปลูกกวางตุ้งในรูปแบบเดิมๆ ทั่วไป ที่อาจแฝงไปด้วยสารเคมีที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของผู้ปลูก และผู้บริโภค
เช่นเดียวกับ คุณพรชัย โพพันธ์ เกษตรกรบ้านตระกาศ ม. 12 ต. ตระกาจ อ. กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ ที่แต่เดิมมีอาชีพปลูกผักขายมาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี แต่เป็นการปลูกแบบอาศัยสารเคมีในการจัดการศัตรูพืชช จึงทำให้มีปัยหาสุขภาพทรุดโทรม จากสารพิษที่ได้รับมาหลายปี จนไม่อาจใช้สารเคมีได้อีกต่อไป และ มีความคิดว่าจะหยุดใช้สารเคมีในการปลูกพืชผัก และเริ่มมองหาวิธีการอื่นมาใช้ในการจัดการพืชผักที่ปลูก ประกอบกับในปี 2551 ภรรยาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน จึงได้มีโอกาสเข้าอบรมที่สถาบันวิจัยพืชสวนจังหวัดศรีสะเกษ เรื่องการปลูกผักไร้ดิน แบบปลอดสารพิษตกค้างที่ส่งผลต่อตัวผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งหลังจากเข้ารับการอบรมทางศูนย์ ฯ ได้มอบวัสดุอุปกรณ์บางส่วนให้มาทดลองทำ จึงได้นำมาทดลองปฏิบัติตาม ปรากฏว่าได้ผลดี พืชผักที่ผลิตมีการเจริญเติบโต งอกงามดี และที่สำคัญการปลูกพืชรูปแบบนี้ไม่ต้องใช้สารเคมีฉีดพ่น ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งพืชผักทีปลุกก็เป็นที่ต้องการของตลาด จึงผลิตพืชผักไฮโดรโปนิกส์ นับจากวันนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเน้นปลูกผักกวางตุ้งและผักกาดเป็นหลัก เนื่องจากมีตลาดรองรับและเป้นพืชที่มีอายุการเก้บเกี่ยวสั้น และง่ายต่อการจัดการด้านต่างๆ
วัสดุ-อุปกรณ์ :
1. **แปลงปลูก และระบบไฮโดรโปนิกส์ เช่น ไม้ ,เหล็ก ,แผ่นโฟม , แผ่นปลูก , พลาสติกหุ้มหลังคาโรงเรือน , มุ้งกั้นโรงเรือน , อุปกรณ์อื่นๆ (ปั๊มน้ำ สะดือ ท่อ) ,ถาดเพาะและฟองน้ำเพาะเมล็ด
2. พันธุ์ผักคุณภาพดี
3. ธาตุอาหาร สำหรับพืช คือ สารละลายธาตุอาหาร A และ B
4. น้ำสะอาด
**ชุดวัสดุ-อุปกรณ์ในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด เว้บไซต์ หรือ ตัวแทนจำหน่ายได้ทั่วไป พร้อมบริการติดตั้ง โดยมีต้นทุนตั้งแต่ชุดละ หลักพัน-แสนบาท
วิธีการปลูก
1. จัดเตรียมแปลงหรือแผ่นปลุกพืชให้พร้อม (1 แผ่นปลูก = 50 ช่อง)
2. จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์พืชโดยคัดเลือกเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี
3. เพาะต้นกล้าลงในถาดเพาะ โดยการใส่เมล็ดพันธุ์ที่ต้องการลงในฟองน้ำ 2- 3 เมล็ด และรดน้ำให้ชุ่ม
4. ใช้เวลา 3 - 5 วันในการเพาะต้นกล้า จนมีใบเลี้ยงคู่และรากงอกจากฟองน้ำ
5. ย้ายต้นกล้าลงในแปลงปลูกโดย 1 แผ่นปลูก จะมีช่องปลูก 50 ช่องใส่ต้นกล้าลงในช่องปลุกจนครบ (กรณีผักบางชนิดเมื่อโตขนาดจะให้มาก เช่น ผักกาดขาว จึงให้ปลูกช่องเว้นช่อง)
6. ใส่น้ำสะอาดในแปลงปลูก ให้ท่วมสะดือปรับระดับน้ำเพื่อให้รากพืชสัมผัสกับน้ำและเปิดปั๊มน้ำเพื่อให้น้ำไหลเวียน
7. เติมธาตุอาหาร A ในอัตราส่วน 1 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร เพื่อให้รากแข็งแรง
8. หลังจากนั้น 4 ชั่วโมง ขณะที่รากพืชแข็งแรงดีแล้ว เติมธาตุอาหาร B ตามอัตราส่วนธาตุอาหาร
9. ต้นพืช (ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักขึ้นฉ่าย ผักกาด) จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว 30 วัน ตามชนิดของผัก กรณีเป็นผักบุ้ง สามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 15 วัน นับจากวันลงแปลง
1. ขั้นตอนการปลูกง่าย
2. ระบบนี้เป็นเทคนิคที่ใช้วัสดุในประเทศทั้งหมด และพัฒนาธาตุอาหาร ให้สามารถใช้ได้ตลอด รอบแปลงไม่ต้องเปลี่ยนธาตุอาหารและวัดค่าความเข้มข้นให้ยุ่งยาก
3. รอบปลูกสั้นกว่าและสามารถปลูกทั้งผักไทย เช่น คะน้า กวางตุ้ง ปวยเหล็ง ผักสลัดแฟนซี เช่น กรีนโอ๊ค บัตตาเวีย หรือผักสลัดต่างๆ ซึ่งระบบอื่นไม่สามารถทำได้
4. ผลผลิตที่ได้ปราศจากสารพิษโดยสิ้นเชิง และที่สำคัญเป็นการปลูกฝังให้ลูกหลานหันมาบริโภคพืชผัก และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เกิดความภาคภูมิใจสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง อันเป็นภูมิคุ้มกันให้ห่างไกลจากยาเสพติดอย่างได้ผลมาก
5. การปลูกผักไม่จำเป็นต้องฉีดยาฆ่าแมลง เพราะเป็นการปลูกในมุ้งรวมถึงบริเวณที่ปลูกไม่ควรใช้ยาฆ่าหญ้า หรือยาฆ่าแมลง และการตรวจสอบอาจมีสารพิษเจือปนได้
โพสต์โดย : POK@