Social :



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ ตามดูไดโนเสาร์ สำรวจโลกใต้พิภพ ค้นหาทรัพยากรล้ำค่า ตื่นตานิทรรศการ

29 ก.ค. 59 16:35
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ ตามดูไดโนเสาร์ สำรวจโลกใต้พิภพ ค้นหาทรัพยากรล้ำค่า ตื่นตานิทรรศการ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ ตามดูไดโนเสาร์ สำรวจโลกใต้พิภพ ค้นหาทรัพยากรล้ำค่า ตื่นตานิทรรศการ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ

ตามดูไดโนเสาร์ สำรวจโลกใต้พิภพ ค้นหาทรัพยากรล้ำค่า ตื่นตานิทรรศการ

 

 

 

 

ในตอนที่เราเป็นเด็ก หลายคนคงพอยังจำกันได้ ทุกๆ อย่างดูสวยงาม เราสนุกได้กับทุกๆ เรื่อง เรามีความสุขกับตัวการ์ตูน ของเล่น อยู่กับจินตนาการโลกแห่งความฝัน โดยเฉพาะไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ ที่เราไม่เคยเห็นตัวจริง (แน่สิ...สูญพันธุ์ไปแล้วนี่...) แต่แปลกนะครับ พอเราโตมา...ความจริงทำให้เรารู้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่มีอยู่แล้ว โลกแห่งความจริงมีเพียงงานกับความรับผิดชอบ เหล่านี้บดบังจินตนาการเราให้แคบลง จนแทบลืมไปแล้วว่า รอยยิ้มเป็นอย่างไง วันนี้...คุณพอมีเวลาบ้างไหม ผมจะพาพวกเรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง...คงจะดีไม่น้อย ทิ้งเรื่องหนักหัวเอาไว้ข้างหลัง แล้วออกเดินทางสู่โลกใต้พิภพที่เราไม่เคยเห็นกัน                 

                                                                                                                                   

บนถนนเลียบคลองห้า ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ” หลายคนอาจบอกว่า การไปพิพิธภัณฑ์นั้นคงน่าเบื่อ...ภายในมีแต่ของเก่า วางเรียงๆ กันและก็มีป้ายบอกรายละเอียด อยากจะบอกเหลือเกินว่าที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ไดโนเสาร์ แต่ที่แห่งนี้รวมความรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับธรณีวิทยาที่มีในประเทศไทยเราเลยทีเดียว                     

 

            

                                            

จากหลักฐานทางธรณีวิทยาพบว่า ผืนแผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินที่ประกอบด้วยหินที่มีอายุยาวนานนับ 500 ล้านปี ทำให้อุดมไปด้วยทรัพยากรธรณีมากมาย ทั้งแร่ หิน เชื้อเพลิงธรรมชาติ แหล่งน้ำบาดาล ไปจนถึงซากฟอสซิลสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีภารกิจสงวนและอนุรักษ์ฟื้นฟู รวมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรทางธรณี ได้วางแผนจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ เป็นหนึ่งใน 12 โครงการ ตามแผนการจัดตั้งสถาบันศิลปวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อให้เป็นสถานที่อนุรักษ์แหล่งข้อมูลอ้างอิงและตัวอย่างสำคัญทางธรณีวิทยา             

                                                                              

ภายในพื้นที่ 5 ไร่ แบ่งออกเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ 4 ชั้น บนพื้นที่ใช้สอยราว 14,000 ตารางเมตร ด้วยงบประมาณในการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 428 ล้านบาท ด้านภายนอกตัวอาคารจัดเป็นสวนหิน มีไดโนเสาร์จำลอง และแบบจำลองสภาพแวดล้อมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ตกแต่งด้วยน้ำตก น้ำพุ และมุมสวนสวยๆ ให้ได้ถ่ายภาพเป็นที่เพลิดเพลิน ภายในตัวอาคารแบ่งออกเป็นห้องนิทรรศการความรู้ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ ห้องเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประวัติกรมทรัพยากรธรณี นิทรรศการการกำเนิดโลก ส่วนประกอบของโลก วัฏจักรของหิน วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างทางธรณีวิทยาประเทศไทย ซากดึกดำบรรพ์ของยุคต่างๆ การกำเนิดแร่ คุณสมบัติของแร่ การทำเหมืองแร่ ธรณีวิทยาภัยพิบัติ การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน ธรณีวิทยาประยุกต์ เชื้อเพลิงธรรมชาติ การสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม เยอะแยะมากมายหลายห้อง เรียกว่าเป็นคลังความรู้ทางธรณีวิทยาของประเทศไทยเลยก็ว่าได้                             

 


                                                                                                                          

ห้องส่วนใหญ่มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับเมื่อมีผู้ชมเดินเข้าไป ก็จะมีเสียงบรรยายออกมาและมีวิดีโอ ตัวการ์ตูนไดโนเสาร์ คอยอธิบายรายละเอียดของนิทรรศการส่วนต่างๆ อยู่ทั่วไป การสร้างองค์ประกอบมีความสวยงามและสนุกตื่นเต้นประทับใจ เช่น เราต้องเดินเข้าไปในอุโมงค์เหมืองแร่ ผ่านช่องลิฟต์เหล็ก ดูสมจริงเหมือนที่เราเคยเห็นในหนัง การแสดงภาพแบบสามมิติ

Lif
เรื่องไดโนเสาร์ที่พบในประเทศไทย มีพายุทอร์นาโดจำลองในถังแก้วให้เห็นรูปแบบการหมุนของพายุ มีสวนไดโนเสาร์ที่สามารถเคลื่อนไหว ขยับหัวสะบัดหาง ส่งเสียงร้องคำรามดูสมจริง ส่วนนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ที่สุด ถือเป็นไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์ เรียกได้ว่า “เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี” เลยทีเดียว                          

 

 

                                               

ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตกเย็น ในบรรยากาศที่สบายๆ เดินไปดูด้านนั้น หยุดอ่านข้อมูลตรงนี้ ขอบอกว่าสนุกมาก เพราะนอกจากข้อมูลความรู้ที่นำมาจัดแสดงแล้ว รูปแบบที่นำเสนอยังน่าสนใจมากอีกด้วย ชวนให้นึกถึงตอนสมัยที่ยังเป็นเด็กไร้เดียงสา คงจะสนุกกว่านี้แน่ ผมเองยังเผลอตกใจตอนที่ไดโนเสาร์ขยับตัว หากผมยังเป็นเด็กคงเชื่อไปแล้วว่าเป็น “ของจริง”                                                                                                                                        

วันนี้มีเด็กๆ จากหลายโรงเรียนมาทัศนศึกษา ผมเห็นเด็กๆ มีความสุข พวกเขาได้เห็นไดโนเสาร์ตัวโตๆ ออกมาอาละวาดขยับตัวไปมา บางคนสนใจหินประหลาด บางคนสนใจการขุดเจาะน้ำบาดาล อีกหลายๆ คนได้รู้จักกับการทำเหมืองแร่ ขอแนะนำท่านผู้บริหารส่วนท้องถิ่นทุกท่าน หากท่านนำเยาวชนของท่านมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาฯ รับประกันได้เลยว่า พวกเขาจะได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานไปเป็นประสบการณ์ชีวิตติดตัวที่ยากลืมลง...

 



ไดโนเสาร์เคยครองประเทศไทย !!! ในสมัยตอนปลายยุคจูราสสิก                               

 

ประมาณ 200 ล้านปีที่แล้ว บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหนอง บึง ทะเลทราย และต้นไม้นานาพันธุ์ ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของไดโนเสาร์อย่างยิ่ง ปัจจุบันไดโนเสาร์ที่พบในเมืองไทยได้รับการยืนยันชนิดและสกุลแล้ว 2 พันธุ์ คือ ไซแอมโมซอรัส สุธีธรนี่ มีขนาดเล็ก ยาวประมาณ 0.45 เมตร หนักเพียง 2 กิโลกรัม แต่ปราดเปรียวว่องไว ฟันแหลมคม พบซากที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น และ ซิดตาโคซอรัส สัตยารักกิ ไดโนเสาร์กินพืช ที่มีจะงอยปากเหมือนนกแก้ว มีเขาที่แก้มไว้ป้องกันตัว ยาวประมาณ 2 เมตร เดินด้วย 2 ขา พบที่ จ.ชัยภูมิ นอกจากนี้ยังมีไดโนเสาร์สกุลใหม่ที่พบในประเทศไทย ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน เป็นซอโรพอดชนิดแรกของไทย ตั้งชื่อเพื่อถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีขนาดกลาง ยาว 15- 20 เมตร เดิน 4 เท้า คอและหางยาว กินพืช มักอยู่รวมกันเป็นฝูง สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส เป็นไดโนเสาร์เทอโรพอด ขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 6 เมตร ขาหลังมีขนาดใหญ่และแข็งแรง ขุดพบครั้งแรกที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง จ.ขอนแก่น พบกระดูกสันหลัง สะโพกและหางที่มีสภาพสมบูรณ์ ฝังอยู่ในชั้นหินทราย


 


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาฯ เปิดให้บริการทุกวัน เว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 9.30-16.30 น. หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 02 902 7661 (ในเวลาราชการ) และ 02 902 7681 (ในวันหยุดราชการ)


เรียบเรียงโดย topicza.com

โพสต์โดย : ครองแครง