สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย ไทยมีโอกาสเพิ่มมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรได้อีกมาก หลังการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน เน้นพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าร่วมกัน เผย ที่ผ่านมา ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าอิหร่านมาโดยตลอด โดยเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรกับไทยอันดับที่ 71 ของไทย
นายสุรพงษ์ เจียสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ไทยและอิหร่านมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน การผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านตั้งแต่ปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งสองประเทศมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยในส่วนของการค้าสินค้าเกษตร สินค้าข้าว ถือเป็นสินค้าที่มีโอกาสในการเปิดตลาดในอิหร่าน รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเกษตรในสาขาต่างๆ ทั้งสาขาปศุสัตว์ ดิน และน้ำ การกักกันและป้องกันโรคพืช พืชไร่ พืชสวน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเกษตร รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านการประมง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไทยในอนาคต
ภายหลังอิหร่านได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ ไทยและอิหร่าน ได้มีการจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม วิชาการ เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ (Joint Commission - JC) ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 22-25 มกราคม 2559 ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน ทำให้ไทยมีโอกาสเพิ่มมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรได้อีกมากขึ้น
ด้านนางจันทร์ธิดา มีเดช รองเลขาธิการ สศก.
ทั้งนี้ อิหร่านเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง มีโอกาสในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันได้อีกมาก เป็นประเทศที่สามารถพึ่งพาตนเองได้หลายด้าน ทั้งด้านอาหาร เทคโนโลยี แม้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นเวลาหลายปี แต่อิหร่านเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรประมาณ 80 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางนำเข้าสินค้าไปยังภูมิภาคเอชียกลางซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล รวมถึงตลาดอิหร่านมีความต้องการสินค้าเกษตรที่หลากหลาย เช่น ไก่ กุ้ง ปลากระป๋อง น้ำผลไม้ ข้าวโพด และยางพารา เป็นต้น จึงเป็นโอกาสของไทยในการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้ากับอิหร่าน