Social :



แม่ร้องสื่อลูกชายถูกชายชุดพรางอ้างเป็นทหาร อุ้มไปซ้อมจนตาย

19 เม.ย. 63 09:04
แม่ร้องสื่อลูกชายถูกชายชุดพรางอ้างเป็นทหาร อุ้มไปซ้อมจนตาย

แม่ร้องสื่อลูกชายถูกชายชุดพรางอ้างเป็นทหาร อุ้มไปซ้อมจนตาย

แม่ร้องสื่อลูกชายถูกชายชุดพรางอ้างเป็นทหาร อุ้มไปซ้อมจนตาย


แม่ร้องสื่อลูกชายสองคนถูกชายชุดพรางอ้างเป็นทหารอุ้มไปซ้อมจนตาย ส่วนน้องชายยังหายปริศนา โร่แจ้งความตำรวจ พบมีทหารยศร้อยโทขอเคลียร์

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ได้ มีนายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี และ นางป่าน ซ้ายซา อายุ 56 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านยางคำ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ หลังนำหลักฐาน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ ร.ต.อ.ธีระพงษ์ ท่าโทม รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธาตุพนม กรณี ลูกชาย 2 คน คือ นายยุทธนา ซ้ายซา หรือด่อน อายุ 33 ปี และ นายณัฐพงษ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี ถูกชายแต่งชุดลายพราง อ้างเป็นทหารชุดปราบปรามยาเสพติด จำนวน 2 -3 นาย ขับรถยนต์กระบะไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน เข้าไปอุ้มลูกชาย ทั้ง 2 คน ขณะพักอยู่กระท่อมนา ใกล้สวนยางท้ายหมู่บ้าน ช่วงเวลา 20.30 น. วันที่ 17 เมษายน จนกระทั่ง ช่วงดึกเวลา 01.00 น. คืนเดียวกัน ได้มีโทรศัพท์ ของลูกชายคนโตโทรเข้ามา พร้อมมีชายไม่ทราบชื่อ แจ้งว่าให้ไปดูอาการลูกได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ทั้ง 2 สามีภรรยา จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลดังกล่าว และพบชายแต่งกายลายพรางคล้ายทหาร เดินทางมาหา และพูดแค่คำว่ากล่าวคำขอโทษ จะขอรับผิดชอบ จากนั้นไม่นานแพทย์พยาบาลได้แจ้ง ว่า ลูกชายคนโต คือ นายยุทธนา ซ้ายซา หรือด่อน อายุ 33 ปี เสียชีวิต เบื้องต้นสภาพร่างกลาย คล้ายถูกทำร้าย ส่วนลูกชายคนเล็กอีกคน คือ นายณัฐพงษ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี ยังหายตัวปริศนา


ภายหลังพ่อแม่ผู้เสียหายจึงได้นำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เชื่อว่า ลูกชายทั้ง 2 คน ถูกชายอ้างเป็นทหารทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต และขอความช่วยเหลือตำรวจให้ติดตามหาลูกชายอีกคน และได้ ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ สะท้อนไปยังหน่วยงานทหารให้ตรวจสอบช่วยเหลือ
MulticollaC
เกรงว่าจะถูกอิทธิพลคุกคาม ข่มขู่ และเรื่องเงียบ หวั่นคดีล้ม พร้อมยืนยันจะเอาผิดให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ หลังรับแจ้งความ ทางตำรวจ ได้ เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งศพผู้เสียชีวิต ไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น นำผลตรวจมาประกอบการดำเนินคดี พร้อมสอบสวนหาผู้กระทำผิด ดำเนินคดีตามกฎหมาย


นายนิวัฒน์และนางป่าน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม พบว่า ได้มีนายทหาร นายหนึ่ง ยศร้อยโท รวมถึงนายทหารอีก 2 -3 นาย พยายามเข้าไปติดต่อขอเจรจากับผู้เสียหาย และขอเคลียร์ไม่ให้เอาผิด พร้อมขอรับผิดชอบความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยได้กล่าวกับผู้เสียหายว่า กลุ่มคนที่เข้าไปรับตัว ลูกชายทั้ง 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด ของชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามจับกุม เครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ แต่ทางพ่อแม่ผู้เสียหาย ไม่ยินยอม ระบุว่า ทำเกินกว่าเหตุ และขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมเรียกร้องให้นำลูกชายอีกคนมาส่งคืน จนกระทั่งทางทหารนายหนึ่งได้กดโทรศัพท์ให้พูดคุยกับลูกชายอีกคน โดยได้บอกกับพ่อแม่ว่า ตนกับพี่ชายถูกซ้อม จนพี่ชายสลบ ส่วนตนบาดเจ็บ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน อยากให้เร่งช่วยเหลือ ซึ่งขณะคุยโทรศัพท์ ทางพ่อแม่ ยังไม่กล้าบอกว่าพี่ชายเสียชีวิต แล้ว

นางป่าน เปิดเผยว่า ลูกชายของตนทั้ง 2 คน ยังไม่มีครอบครัว ยองรับ 2 -3 ปี ที่ผ่านมา เป็นคนกินเที่ยว และเคยหลงผิดไปเสพยาเสพติดกลับเพื่อนในกลุ่ม แต่ระยะหลังไม่มีปัญหา ไม่เคยสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้พ่อแม่ ที่สำคัญหลังจากนายนิวัฒน์ เคยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านมาก่อน ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ไม่สามารถทำงานดูแลครอบครัวได้ จึงต้องอาศัยลูกชาย ทั้ง 2 คน ช่วยทำไร่ ทำนา ทำการเกษตร สวนยาง ทุกวัน ทั้ง 2 คน จะพากันพักที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน จนกระทั่งเกิดเหตุตนไม่รู้ว่าลูกชายมีคนมาอุ้มตัวไป จนรู้ทีหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่หารไปรับตัว รู้อีกทีลูกชายถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชอำเภอธาตุพนม ยังไม่ทันได้พูดคุยเห็นหน้าลูก พอไปถึงโรงพยาบาลไม่นาน บอกว่าลูกเสียชีวิตแล้ว หนำซ้ำมีชายคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายทหารมาพูดแค่ว่าขอโทษ พอตนถามถึงลูกชายอีกคนแต่ไม่บอก เพียงรู้ว่าเจ้าหน้าที่ดูแลปลอดภัย ตนจึงเรียกร้องให้ นำลูกชายมาคืน เพราะได้คุยโทรศัพท์ลูกชายบอกถูกซ้อมเจ็บมากกับพี่ชาย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ตนขอเรียกร้องความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานทหาร เพื่อเอาผิดให้ถึงที่สุด ไม่ว่าลุกตนจะเป็นอย่างไร แต่การกระทำมาจากเจ้าหน้าที่ ทำให้ลูกตนเสียชีวิต แถมลูกชายอีกคนยังไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดี ยอมรับมีทหารนายหนึ่งพยายามมาไกล่เกลี่ยขอเคลียที่โรงพัก แต่ตนยืนยันไปแล้ว ถ้าชดเชยเป็นเงินมา 5 ล้านบาท ตนจะยอมไม่เอาเรื่อง เพราะชีวิตคนทั้งชีวิตถามว่าคุ้มไม่คุ้ม แต่ลูกชายคนเป็นเสาหลักต้องดูแล ครอบครัว ตนกับสามี ต้องแบกภาระอีกมาก ถ้าจะรับผิดชอบจริง ต้องชดใช้ความผิดที่เกิดขึ้น ส่วนคดีขอให้ตำรวจทำตามขั้นตอน


ขอขอบคุณข้อมูล- MATICHON ONLINE

โพสต์โดย : Ao