ช้ำ'สาวโอเกะ'รู้จัก10วันหมั้น เปย์ครึ่งล้าน!หนีไปอยู่กับผัว

หนุ่มสุรินทร์ช้ำรัก!! สาวคาราโอเกะรู้จักได้ 10 วัน หอบเงิน-ทองสินสอดหมั้น เปย์เงินให้ใช้จ่ายผ่อนเก๋งให้ขับสูญกว่า 5 แสน แทบหมดตัว สุดท้ายหนีไปอยู่เมืองกรุงกับสามี ฝากถึงฝ่ายหญิงให้นำเงินมาคืนก่อนจะแจ้งความดำเนินคดี  

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายธีรพงษ์ แต้มทอง อายุ 38 ปี อาชีพเกษตรกร อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 11/4 บ้านนา หมู่ที่ 7 ต.ตรึม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ร้องทุกข์สื่อมวลชนแจ้งว่า เมื่อหลายเดือนก่อนตนเองได้ไปเที่ยวที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนสายตำบลยางศีขรภูมิ-สุรินทร์ และได้รู้จักกับน้องฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ชาวจ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีหน้าตาสะสวยหุ่นดีซึ่งตนรู้สึกชอบพอตั้งแต่แรกเจอ จากนั้นก็ได้ไปหาน้องฟ้าที่ร้านทุกวัน ผ่านไปประมาณ 10 วัน น้องฟ้าได้บอกกับตนว่าถ้ารักจริงก็ให้มาหมั้นไว้ ตนจึงได้นำเงิน 3 หมื่นบาท และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท เป็นสินสอดทองหมั้นและทำพิธีหมั้นกันที่บ้านของตนท่ามกลางญาติของทั้งสองฝ่ายเป็นพยาน 

นายธีรพงษ์ เล่าอีกว่า หลังหมั้นกันแล้วน้องฟ้าก็ไม่ได้มาอยู่กับตน ยังคงไปทำงานอยู่ที่ร้านคาราโอเกะและอยู่ที่ห้องเช่าตามเดิม ตนก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อเก็บเงินไว้ในอนาคต โดยยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเลยสักครั้ง ที่ผ่านมา 4 เดือน น้องฟ้าก็จะให้ตนช่วยผ่อนรถเก๋งที่ขับอยู่ และขอเงินใช้ที่ละ 1-2 หมื่นเป็นประจำ โดยอ้างความจำเป็นต่างๆ นานา ซึ่งตนก็ยินดีที่จะให้เพราะความรักสุดหัวใจและเชื่อว่าไหนๆ ก็จะเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว ล่าสุดตนได้ไปกู้เงินธกส.มาเพื่อต่อเติมบ้านโดยจะทำด้านหน้าเป็นร้านขาย-ซ่อมโทรศัพท์มือถือเพื่อให้น้องฟ้าได้มาดูแล จะได้เลิกทำงานที่ร้านคาราโอเกะซักที แต่ระยะหลังน้องฟ้าเริ่มตีตัวออกห่าง อ้างไม่ค่อยว่างมาเจอ บางครั้งก็ไม่รับโทรศัพท์ จนกระทั่งช่วงโควิด19 ระบาด รัฐบาลสั่งเคอร์ฟิวทำให้ร้านคาราโอเกะที่น้องฟ้าทำอยู่ต้องปิดไป จากนั้นตนก็ไม่ได้เจอน้องฟ้าอีกเลย ล่าสุดตนโทรหาก็เป็นเสียงผู้ชายรับสายและได้ข่าวว่าน้องฟ้าหนีไปอยู่กับสามีที่กรุงเทพฯ แล้ว 

"ตนทำงานเก็บเงินมาทั้งชีวิต กลับมาถูกน้องฟ้าหลอกให้รักสูญเงินไปรวมแล้วกว่า 5 แสนบาท ทำให้พ่อแม่และครอบครัวต้องลำบาก ตอนนี้อยากให้น้องฟ้ากลับมารับผิดชอบการกระทำที่ทำลายชีวิตผู้ชายคนหนึ่งจนหมดตัว อยากให้นำเงินสินสอดทองหมั้นมาคืนเพื่อที่ตนจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินต่อไป ถ้านำมาคืนตนก็จะไม่เอาเรื่องอะไรทั้งสิ้นให้จบกันไป แต่ถ้ายังเงียบหายไปก็อาจจะต้องแจ้งความดำเนินคดีเพื่อไม่ให้ไปทำแบบนี้กับใครได้อีก และเรื่องนี้ตนอยากให้เป็นอุทธาหรณ์กับผู้ชายคนอื่นๆ จะได้ไม่ถูกหลอกอย่างตนอีก" นายธีรพงษ์ กล่าว

ขอขอบคุณข้อมูล- Dailynews