ส่อง “ พระธาตุดอยกิจจิ ” และเรื่องเล่าในอดีตกาล
กับ เรือโบราณ สมบัติล้ำค่าแห่งล้านนาไทย ที่ยังเหลืออยู่...
ยามใดที่จิตใจเหนื่อยล้ากับสภาพปัญหาในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก หรือเรื่องอะไรก็ตามแต่ หลายคนเลือกที่จะเดินทางออกสู่ชนบท เพื่อปรับสภาพจิตใจ ลดความฟุ้งซ่าน และคลายความกดดันรักษาสภาพจิตใจให้แข็งแรง เตรียมพร้อมสู้กับปัญหาและอุปสรรคในชีวิต
ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เลือกจะเดินทางออกนอกเมืองสู่ชนบท เพื่อปรับโหมดการใช้ชีวิต เพราะเชื่อว่าความเงียบ ความสงบ มันทำให้ความคิดของคนเรานิ่งและมีสมาธิมากขึ้น...นิ่งพอที่จะรับรู้ถึงปัญหาและทางออกที่ดีที่สุด และเมื่อคนเราเข้มแข็งพอ เรื่องราวปัญหาต่างๆ ก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ในที่สุด
ครั้งหนึ่งได้เคยเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปรับโหมดชีวิตให้กับตัวเอง และสาเหตุที่เลือกเดินทางขึ้นเหนือ หลายๆ คนก็คงจะพอนึกออกว่าเพราะอะไร...อากาศดี ธรรมชาติสวย วัฒนธรรมดั้งเดิม การใช้ชีวิตของผู้คนแบบเก่าแก่ เรียบง่าย ความงดงามทางศาสนา และสถาปัตยกรรม รวมไปถึงอีกหลากหลายเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ชื่อว่า อากาศดีมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว หากใครได้เดินทางไปเยี่ยมชม คงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เยี่ยมจริงๆ !
ถ้าพูดถึงจังหวัดเชียงใหม่ ใครหลายคนอาจจะคุ้นเคยหรือรู้จักเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เรื่องวัฒนธรรม เรื่องศาสนา...แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วสถานที่ต่างๆ เรื่องราวต่างๆ ที่เราเคยไปสัมผัสมานั้นมีความเป็นมาอย่างไร
และวันนี้หากเอ่ยถึงชื่อ “ วัดพระธาตุดอยกิจจิ ” หรือ “ วัดพระธาตุจอมกิตติ ” เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี และบางคนก็เคยเดินทางไปสัมผัสถึงความงดงามทางศาสนาและสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์โดยรอบมาแล้ว ด้วยความที่เป็นวัดเก่าแก่ มีอายุยาวนาน รวมไปถึงยังมีสถานที่ปฏิบัติธรรมให้กับผู้คนที่สนใจปรับเปลี่ยนโหมดอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ด้วยบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยความงดงามทางทัศนียภาพ ธรรมชาติที่เขียวขจี ความร่มรื่น เงียบสงบ ที่ยากจะพบเจอในเมืองใหญ่
สวยสดทั้งธรรมชาติ และงดงามทั้งศาสนา จึงไม่แปลกใจหากวันนี้ใครสักคนที่คิดจะปรับโหมดชีวิตให้มีความสมดุล จะเลือก วัดพระธาตุดอยกิจจิ เป็นทางออก
แน่นอนว่ากว่าจะมาเป็น “ วัดพระธาตุดอยกิจจิ ” ในวันนี้ ก็ต้องมีเรื่องเล่าพอสมควร เราลองย้อนดูประวัติและความเป็นมากันสักนิดว่า … วัดพระธาตุดอยกิจจิมีที่มาอย่างไร...
วัดพระธาตุดอยกิจจิ (วัดพระธาตุจอมกิตติ) ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ ใน ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เดิมทีมีเรื่องเล่าว่า บนดอยนี้อดีตเป็นที่รกร้าง มีชาวบ้านเห็นแสงสว่างจ้าปรากฏในเวลากลางคืน และมีคนเห็นอีกหลายคนในพื้นที่ไม่ห่างจากดอยมากนัก จากนั้นก็มีพระธุดงค์องค์หนึ่ง ท่านทราบด้วยญาณว่า บนดอยแห่งนี้มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ จึงดำริที่จะสร้างวัดขึ้นบนดอยแห่งนี้ ปรากฏว่าได้รับแรงสนับสนุนจากชาวบ้านแถบนั้น และได้ร่วมกันทำพื้นที่ดังกล่าวไม่ให้รกร้าง สร้างทางให้รถขึ้นบนดอยได้อย่างสะดวก และจัดการสร้างพระเจดีย์ไว้ ณ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธุดงค์บอกกับชาวบ้านว่า แสงที่ชาวบ้านเห็นนั้นเป็นแสงปาฏิหาริย์ของพระธาตุ
พระธุดงค์เล่าต่อไปว่า สถานที่บนดอยนี้เคยเป็นวัดมาก่อนประมาณ ๓๐๐ ปี ซึ่งจะสังเกตได้จากพื้นดินปรากฏมีเศษกระเบื้องชิ้นเล็กๆ อยู่กลาดเกลื่อน และบนดอยแห่งนี้เคยสร้างเป็นวัดมา ๒ วาระแล้ว ครั้งนี้เป็นวาระที่ ๓ ซึ่งท่านมีหน้าที่จะต้องสร้างเป็นครั้งสุดท้าย...
และท่านยังบอกอีกว่า เมื่อสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาสถานที่นี้หลายครั้งแล้ว เพราะพระองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ศาสนาของพระองค์จะมาสืบต่อ ณ ประเทศสยาม
ด้วยเหตุนี้เองชาวบ้านทั้งหลายโดยการนำของพระธุดงค์รูปดังกล่าว ซึ่งมีนามว่า “ หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก ” ศิษย์ผู้ใกล้ชิดครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย เนื่องจากเมื่อครั้งสมัยครูบาเจ้าศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ ชาวบ้านได้เคยอาราธนาท่านมาสร้างวัด แต่ท่านปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า สถานที่นี้ต้องรอเจ้าของเขามาสร้าง ซึ่งจะเป็นศิษย์ของท่านเอง และเป็นจริงอย่างคำทำนายทุกประการ “ หลวงปู่ชุ่ม ” จึงได้สร้างวัดขึ้นในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และตั้งชื่อวัดนี้ว่า “ วัดพระธาตุดอยกิจจิ ”
บริเวณภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์รูปทองปราสาท ภายในบรรจุพระบรมธาตุ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ก่อด้วยอิฐถือปูน พระเจดีย์รูปทองปราสาท นับเป็นพระเจดีย์ที่สำคัญและเก่าแก่ของ ต.แม่แฝก บริเวณวัดพระธาตุดอยกิจจิ มีพระวิหาร พระอุโบสถ หอระฆัง พระพุทธไสยาสน์ ลานชมวิว และมีรูปปั้นครูบาแหว้น (พระครูวินิจคุณากร) และครูบาชุ่ม โพธิโก ผู้ดูแลและบูรณะพระธาตุดอยกิจจิ
เชื่อเหลือเกินว่าการเดินทางทุกครั้งไม่ว่าจะไปที่ไหน...ขึ้นเหนือ ล่องใต้ หรือตะลอนอีสาน หากเรามีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ มันทำให้เรามีความสุขและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
และหากเดินทางไปเที่ยวชมวัดพระธาตุดอยกิจจิแล้ว แนะนำว่าควรเดินทางไปเยี่ยมชมเรือโบราณสมัยล้านนาที่วัดบ้านโป่ง ต.แม่แฝก ด้วยจะเป็นการดีมาก เนื่องจากเราจะได้เห็นของเก่าแก่ในสมัยล้านนาซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ และที่สำคัญของบางอย่างหาชมได้ยาก โดยเฉพาะ “ เรือโบราณ ” ที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
“ เรือโบราณ ” ดังกล่าวถูกขุดพบที่บริเวณในแม่น้ำปิง หมู่ที่ 2 ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2542 ชาวบ้านได้ช่วยกันกู้ซากเรือขึ้นมา พบก้อนหินทรายสีชมพู จำนวน 42 ก้อน กระดูกสัตว์ขนาดใหญ่ 1 ชิ้น ผางประทีปดินเผา 1 ชิ้น และเศษภาชนะดินเผา 2 ชิ้น ขวานเหล็กมีบ้อง 1 ชิ้น
ซึ่งเรือที่พบเป็นเรือที่มีลักษณะใช้ในสมัยล้านนาและรัตนโกสินทร์ มีลักษณะเป็นเรือไม้ขนาดใหญ่ (เรือขุด) ขุดจากไม้ซุงขนาดใหญ่ท่อนเดียว ไม่มีการตัดต่อ มีขนาดความยาวประมาณ
แน่นอนว่าทุกครั้งที่ออกเดินทางไม่ว่าจุดหมายจะอยู่ที่ไหนและไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์อะไร เราควรศึกษาความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ ให้ดีก่อน เพื่อการพักผ่อนและการท่องเที่ยวของคุณจะได้คุ้มค่ากับการแพ็กกระเป๋าออกเดินทาง
สักครั้งในชีวิตกับการเดินทางสู่ “ วัดพระธาตุดอยกิจจิ ” และ “ วัดป่าบ้านโป่ง ” เพื่อซึมซาบธรรมชาติที่งดงาม ผสมผสานกับวัฒนธรรมและศาสนาอย่างลงตัว...
สถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด !
หลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับการค้นพบเรือโบราณ จากการสำรวจตั้งแต่ในวันที่ 14-16 ธันวาคม 2542 มีรายละเอียดดังนี้
- เรือไม้ มีลักษณะเป็นเรือไม้ขุดขนาดใหญ่จากไม้ทั้งต้น ไม่มีการตัดต่อ เป็นเรือขุดชนิดไม้ตะเคียนทอง มีขนาดความยาว
- หินทราย เป็นหินทรายสีชมพูนิยมนำมาแกะสลักพระพุทธรูป
- ผางประทีป มีลักษณะเป็นผางประทีปสีเขียวมะกอก เนื้อแกร่ง อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 21-22
- ภาชนะดินเผา (ไห) เป็นภาชนะดินเผาธรรมดาไม่เคลือบ มีลักษณะประเภทไหน้ำ ไม่สามารถกำหนดอายุได้
- ขวานเล็ก พบขวานเล็กนี้อยู่ในเรือ สันนิษฐานว่าเป็นเครื่องมือตัดหิน หรือเอาไว้กะเทาะหิน
- กระดูกสัตว์ พบในเรือ เป็นกระดูกด้านหลังขวาของช้าง ไม่น่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเรือแต่อย่างใด
เรียบเรียงโดย topicza.com