Social :



ส่อง “พระธาตุดอยกิจจิ” และเรื่องเล่าในอดีตกาล กับเรือโบราณ สมบัติล้ำค่าแห่งล้านนาไทย ที่ยังเหลืออยู่...

04 ส.ค. 59 18:34
ส่อง “พระธาตุดอยกิจจิ” และเรื่องเล่าในอดีตกาล กับเรือโบราณ สมบัติล้ำค่าแห่งล้านนาไทย ที่ยังเหลืออยู่...

ส่อง “พระธาตุดอยกิจจิ” และเรื่องเล่าในอดีตกาล กับเรือโบราณ สมบัติล้ำค่าแห่งล้านนาไทย ที่ยังเหลืออยู่...

ส่อง พระธาตุดอยกิจจิ และเรื่องเล่าในอดีตกาล
กับ เรือโบราณ สมบัติล้ำค่าแห่งล้านนาไทย ที่ยังเหลืออยู่...

 


ยามใดที่จิตใจเหนื่อยล้ากับสภาพปัญหาในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก หรือเรื่องอะไรก็ตามแต่ หลายคนเลือกที่จะเดินทางออกสู่ชนบท เพื่อปรับสภาพจิตใจ ลดความฟุ้งซ่าน และคลายความกดดันรักษาสภาพจิตใจให้แข็งแรง เตรียมพร้อมสู้กับปัญหาและอุปสรรคในชีวิต

 

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เลือกจะเดินทางออกนอกเมืองสู่ชนบท เพื่อปรับโหมดการใช้ชีวิต เพราะเชื่อว่าความเงียบ ความสงบ มันทำให้ความคิดของคนเรานิ่งและมีสมาธิมากขึ้น...นิ่งพอที่จะรับรู้ถึงปัญหาและทางออกที่ดีที่สุด และเมื่อคนเราเข้มแข็งพอ เรื่องราวปัญหาต่างๆ ก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ในที่สุด

 

ครั้งหนึ่งได้เคยเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปรับโหมดชีวิตให้กับตัวเอง และสาเหตุที่เลือกเดินทางขึ้นเหนือ หลายๆ คนก็คงจะพอนึกออกว่าเพราะอะไร...อากาศดี ธรรมชาติสวย วัฒนธรรมดั้งเดิม การใช้ชีวิตของผู้คนแบบเก่าแก่ เรียบง่าย ความงดงามทางศาสนา และสถาปัตยกรรม รวมไปถึงอีกหลากหลายเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ชื่อว่า อากาศดีมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว หากใครได้เดินทางไปเยี่ยมชม คงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เยี่ยมจริงๆ !

 

 

 

ถ้าพูดถึงจังหวัดเชียงใหม่ ใครหลายคนอาจจะคุ้นเคยหรือรู้จักเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เรื่องวัฒนธรรม เรื่องศาสนา...แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วสถานที่ต่างๆ เรื่องราวต่างๆ ที่เราเคยไปสัมผัสมานั้นมีความเป็นมาอย่างไร

 

และวันนี้หากเอ่ยถึงชื่อ วัดพระธาตุดอยกิจจิ หรือ วัดพระธาตุจอมกิตติ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี และบางคนก็เคยเดินทางไปสัมผัสถึงความงดงามทางศาสนาและสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์โดยรอบมาแล้ว ด้วยความที่เป็นวัดเก่าแก่ มีอายุยาวนาน รวมไปถึงยังมีสถานที่ปฏิบัติธรรมให้กับผู้คนที่สนใจปรับเปลี่ยนโหมดอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ด้วยบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยความงดงามทางทัศนียภาพ ธรรมชาติที่เขียวขจี ความร่มรื่น เงียบสงบ ที่ยากจะพบเจอในเมืองใหญ่

 

สวยสดทั้งธรรมชาติ และงดงามทั้งศาสนา จึงไม่แปลกใจหากวันนี้ใครสักคนที่คิดจะปรับโหมดชีวิตให้มีความสมดุล จะเลือก วัดพระธาตุดอยกิจจิ เป็นทางออก

 

แน่นอนว่ากว่าจะมาเป็น วัดพระธาตุดอยกิจจิ ในวันนี้ ก็ต้องมีเรื่องเล่าพอสมควร เราลองย้อนดูประวัติและความเป็นมากันสักนิดว่า วัดพระธาตุดอยกิจจิมีที่มาอย่างไร...


 



วัดพระธาตุดอยกิจจิ (วัดพระธาตุจอมกิตติ) ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ ใน ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เดิมทีมีเรื่องเล่าว่า บนดอยนี้อดีตเป็นที่รกร้าง มีชาวบ้านเห็นแสงสว่างจ้าปรากฏในเวลากลางคืน และมีคนเห็นอีกหลายคนในพื้นที่ไม่ห่างจากดอยมากนัก จากนั้นก็มีพระธุดงค์องค์หนึ่ง ท่านทราบด้วยญาณว่า บนดอยแห่งนี้มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ จึงดำริที่จะสร้างวัดขึ้นบนดอยแห่งนี้ ปรากฏว่าได้รับแรงสนับสนุนจากชาวบ้านแถบนั้น และได้ร่วมกันทำพื้นที่ดังกล่าวไม่ให้รกร้าง สร้างทางให้รถขึ้นบนดอยได้อย่างสะดวก และจัดการสร้างพระเจดีย์ไว้ ณ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธุดงค์บอกกับชาวบ้านว่า แสงที่ชาวบ้านเห็นนั้นเป็นแสงปาฏิหาริย์ของพระธาตุ


พระธุดงค์เล่าต่อไปว่า สถานที่บนดอยนี้เคยเป็นวัดมาก่อนประมาณ ๓๐๐ ปี ซึ่งจะสังเกตได้จากพื้นดินปรากฏมีเศษกระเบื้องชิ้นเล็กๆ อยู่กลาดเกลื่อน และบนดอยแห่งนี้เคยสร้างเป็นวัดมา ๒ วาระแล้ว ครั้งนี้เป็นวาระที่ ๓ ซึ่งท่านมีหน้าที่จะต้องสร้างเป็นครั้งสุดท้าย...

 

และท่านยังบอกอีกว่า เมื่อสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาสถานที่นี้หลายครั้งแล้ว เพราะพระองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ศาสนาของพระองค์จะมาสืบต่อ ณ ประเทศสยาม

 

ด้วยเหตุนี้เองชาวบ้านทั้งหลายโดยการนำของพระธุดงค์รูปดังกล่าว ซึ่งมีนามว่า หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก ศิษย์ผู้ใกล้ชิดครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย เนื่องจากเมื่อครั้งสมัยครูบาเจ้าศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ ชาวบ้านได้เคยอาราธนาท่านมาสร้างวัด แต่ท่านปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า สถานที่นี้ต้องรอเจ้าของเขามาสร้าง ซึ่งจะเป็นศิษย์ของท่านเอง และเป็นจริงอย่างคำทำนายทุกประการ หลวงปู่ชุ่ม จึงได้สร้างวัดขึ้นในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และตั้งชื่อวัดนี้ว่า วัดพระธาตุดอยกิจจิ

 

บริเวณภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์รูปทองปราสาท ภายในบรรจุพระบรมธาตุ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ก่อด้วยอิฐถือปูน พระเจดีย์รูปทองปราสาท นับเป็นพระเจดีย์ที่สำคัญและเก่าแก่ของ ต.แม่แฝก บริเวณวัดพระธาตุดอยกิจจิ มีพระวิหาร พระอุโบสถ หอระฆัง พระพุทธไสยาสน์ ลานชมวิว และมีรูปปั้นครูบาแหว้น (พระครูวินิจคุณากร) และครูบาชุ่ม โพธิโก ผู้ดูแลและบูรณะพระธาตุดอยกิจจิ

MulticollaC

 

เชื่อเหลือเกินว่าการเดินทางทุกครั้งไม่ว่าจะไปที่ไหน...ขึ้นเหนือ ล่องใต้ หรือตะลอนอีสาน หากเรามีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ มันทำให้เรามีความสุขและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

 

และหากเดินทางไปเที่ยวชมวัดพระธาตุดอยกิจจิแล้ว แนะนำว่าควรเดินทางไปเยี่ยมชมเรือโบราณสมัยล้านนาที่วัดบ้านโป่ง ต.แม่แฝก ด้วยจะเป็นการดีมาก เนื่องจากเราจะได้เห็นของเก่าแก่ในสมัยล้านนาซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ และที่สำคัญของบางอย่างหาชมได้ยาก โดยเฉพาะ เรือโบราณ ที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี


 



เรือโบราณ ดังกล่าวถูกขุดพบที่บริเวณในแม่น้ำปิง หมู่ที่ 2 ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2542 ชาวบ้านได้ช่วยกันกู้ซากเรือขึ้นมา พบก้อนหินทรายสีชมพู จำนวน 42 ก้อน กระดูกสัตว์ขนาดใหญ่ 1 ชิ้น ผางประทีปดินเผา 1 ชิ้น และเศษภาชนะดินเผา 2 ชิ้น ขวานเหล็กมีบ้อง 1 ชิ้น

 

ซึ่งเรือที่พบเป็นเรือที่มีลักษณะใช้ในสมัยล้านนาและรัตนโกสินทร์ มีลักษณะเป็นเรือไม้ขนาดใหญ่ (เรือขุด) ขุดจากไม้ซุงขนาดใหญ่ท่อนเดียว ไม่มีการตัดต่อ มีขนาดความยาวประมาณ 12 เมตร กว้าง 1.13 เมตร เรือไม่มีการตกแต่ง ใช้ประโยชน์เพื่อบรรทุกสิ่งของ และพบโบราณวัตถุที่สามารถกำหนดอายุสมัยของผางประทีปดินเผาเคลือบสีเขียวมะกอก มีอายุสมัยช่วงพุทธศตวรรษที่ 21-22 ดังนั้นเรือโบราณลำนี้สันนิษฐานว่ามีอายุสมัยปลายล้านนาลงมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์

 

แน่นอนว่าทุกครั้งที่ออกเดินทางไม่ว่าจุดหมายจะอยู่ที่ไหนและไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์อะไร เราควรศึกษาความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ ให้ดีก่อน เพื่อการพักผ่อนและการท่องเที่ยวของคุณจะได้คุ้มค่ากับการแพ็กกระเป๋าออกเดินทาง

 

สักครั้งในชีวิตกับการเดินทางสู่ วัดพระธาตุดอยกิจจิ และ วัดป่าบ้านโป่ง เพื่อซึมซาบธรรมชาติที่งดงาม ผสมผสานกับวัฒนธรรมและศาสนาอย่างลงตัว...

 

สถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด !

 

 



หลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับการค้นพบเรือโบราณ จากการสำรวจตั้งแต่ในวันที่ 14-16 ธันวาคม 2542 มีรายละเอียดดังนี้


- เรือไม้ มีลักษณะเป็นเรือไม้ขุดขนาดใหญ่จากไม้ทั้งต้น ไม่มีการตัดต่อ เป็นเรือขุดชนิดไม้ตะเคียนทอง มีขนาดความยาว 12 เมตร ความกว้าง 1.13 เมตร เรือไม่มีการตกแต่ง

 

- หินทราย เป็นหินทรายสีชมพูนิยมนำมาแกะสลักพระพุทธรูป

 

- ผางประทีป มีลักษณะเป็นผางประทีปสีเขียวมะกอก เนื้อแกร่ง อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 21-22

 

- ภาชนะดินเผา (ไห) เป็นภาชนะดินเผาธรรมดาไม่เคลือบ มีลักษณะประเภทไหน้ำ ไม่สามารถกำหนดอายุได้

 

- ขวานเล็ก พบขวานเล็กนี้อยู่ในเรือ สันนิษฐานว่าเป็นเครื่องมือตัดหิน หรือเอาไว้กะเทาะหิน

 

- กระดูกสัตว์ พบในเรือ เป็นกระดูกด้านหลังขวาของช้าง ไม่น่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเรือแต่อย่างใด

 

 


           

 

เรียบเรียงโดย  topicza.com


โพสต์โดย : ครองแครง