Social :



'ดาวลูกไก่' กับเรื่องเล่าในตำนานและวัฒนธรรมพื้นบ้าน

16 ก.ค. 63 20:07
'ดาวลูกไก่' กับเรื่องเล่าในตำนานและวัฒนธรรมพื้นบ้าน

'ดาวลูกไก่' กับเรื่องเล่าในตำนานและวัฒนธรรมพื้นบ้าน




'ดาวลูกไก่' กับเรื่องเล่าในตำนานและวัฒนธรรมพื้นบ้าน

ในสมัยเมื่อครั้งยังเด็กเชื่อว่าหลายๆคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ "นิทานดาวลูกไก่" เป็นนิทานเกี่ยวกับกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งบนท้องฟ้า หรือที่เรียกกันว่า "กระจุกดาวลูกไก่" หรือ "กระจุกดาวไพลยาดีส" (Pleiades) หรือ "วัตถุเมสสิเยร์" M45 หรือ "ดาวพี่น้องทั้งเจ็ด" โดย "ดาวลูกไก่" เป็นกระจุกดาวเปิดในกลุ่มดาววัว ประกอบด้วยดาวฤกษ์ระดับ B ที่มีประวัติการสังเกตมาตั้งแต่สมัยกลาง นับเป็นหนึ่งในกระจุกดาวที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด และอาจเป็นกระจุกดาวที่มีชื่อ เสียงมากที่สุดและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า

      เนื่องจากกระจุกดาวลูกไก่นั้นสามารถมองเห็นในท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างเด่นชัด จึงไม่น่าแปลกใจนักที่กระจุกดาวลูกไก่จะเป็นที่รู้จักในแทบทุกวัฒนธรรม ทั่วโลกนับแต่อดีตกาล ชาวไทยเราเรียกว่า "ดาวลูกไก่" หรือ "ดาวกฤติกา" ชาวญี่ปุ่นเรียก "ซุบารุ" ชาวจีนเรียก "เหม่าซิ่ว" หรือ "กลุ่มดาวคนผมดก" ส่วน ชาวพื้นเมืองในหมู่เกาะบอร์เนียวเรียกว่า "บิตังสโกระ" ในพระคัมภีร์ไบเบิลยังมีการเอ่ยถึงดาวกลุ่มนี้โดยเรียกชื่อว่า "คิมา" (Khima) ในวัฒนธรรมอาหรับซึ่ง เป็นนักดูดาวมาแต่โบราณ เรียกชื่อดาวกลุ่มนี้ว่า อัล-ทูเรย์ยา (الثريا; al-Thurayya)

      แต่ชื่อของกระจุกดาวในทางดาราศาสตร์จะเรียกชื่อในภาษาอังกฤษ ซึ่งตั้งชื่อกลุ่มดาวนี้ตามตำนานกรีก กล่าวคือ ดาวเหล่านี้เป็นตัวแทนของหญิงสาวเจ็ดพี่ น้องแห่งไพลยาดีส ขณะที่ตำนานชาวไวกิงบอกว่าดาวเหล่านั้นคือแม่ไก่ทั้งเจ็ดตัวของเฟรย์ยา ชื่อของกระจุกดาวในภาษาโบราณของทางยุโรปหลายๆ
MulticollaC
แห่ง จะมีความหมายว่า แม่ไก่กับลูกไก่ ซึ่งคล้ายคลึงกับตำนานของไทย

      นิทานดาวลูกไก่ในตำนานไทยเล่าว่า มีตายายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในป่า วันหนึ่งมีพระธุดงค์ผ่านมา คิดจะหาอาหารไปถวาย แต่เนื่องจากอยู่ในป่าไม่มีอาหารดีๆ จึงหารือกันจะฆ่าไก่ที่เลี้ยงไว้เพื่อไปทำอาหารถวาย แม่ไก่ได้ยินก็สั่งเสียลูกไก่ทั้งหกตัวให้รักษาตัวให้ดี ตัวเองต้องแทนคุณตายายที่เลี้ยงดูมา เมื่อถึงเวลา ตายายฆ่าแม่ไก่ ลูกไก่ก็กระโดดเข้าเตาไฟตายตามแม่ไปด้วย เทพยดาเห็นแก่ความกตัญญู จึงให้แม่ไก่และลูกไก่ทั้งหมดขึ้นไปเป็นดาวอยู่บนฟ้าเพื่อเตือน ใจคน

      ในยุคสำริดของยุโรป ชาวยุโรปบางส่วนเช่นชาวเคลต์หรือวัฒนธรรมอื่นก่อนหน้านั้น เชื่อว่ากระจุกดาวนี้เกี่ยวข้องกับความอาลัยและงานศพ ในอดีตจะมีงาน เทศกาลช่วงวันระหว่างวันศารทวิษุวัตจนถึงวันเหมายัน (ดู วันฮัลโลวีน หรือวันแห่งจิตวิญญาณ) เป็นเทศกาลเพื่อระลึกถึงผู้วายชนม์ กระจุกดาวนี้จะเริ่ม ปรากฏบนท้องฟ้าด้านตะวันออกหลังจากตะวันลับขอบฟ้า เหตุนี้กระจุกดาวลูกไก่จึงมักให้ความรู้สึกถึงน้ำตาและความเศร้าโศก

      การปรากฏของดวงดาวบนฟ้ามักใช้เป็นจุดสำคัญเพื่อกำหนดระยะเวลาตามปฏิทินของมนุษย์ในสมัยก่อน การปรากฏบนฟ้าของกระจุกดาวลูกไก่ (ประมาณ เดือนมิถุนายน) ถือเป็นการขึ้นปีใหม่สำหรับชาวมาวรีในนิวซีแลนด์ ซึ่งเรียกกระจุกดาวนี้ว่า มาตาริกิ (แปลว่าดวงตาดวงเล็กๆ มีวันหยุดลักษณะคล้ายกันนี้ สำหรับชาวฮาวายด้วย เรียกว่าวัน Makaliʻi ชาวแอสแตคโบราณในเม็กซิโกและอเมริกากลางมีปฏิทินของพวกเขาที่อ้างอิงตามกระจุกดาวลูกไก่ โดยเริ่มนับ ปีใหม่เมื่อพวกนักบวชมองเห็นดาวเรียงเด่นปรากฏขึ้นบนฟากฟ้าตะวันออก ก่อนที่แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์จะลับหายไป ชาวแอสแตคเรียกกระจุกดาวนี้ว่า Tianquiztli (แปลว่า "ตลาด")



ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:/horoscope.thaiza.com

โพสต์โดย : monnyboy