กองปราบรวบลูกจ้างแสบลักเป็ดนับพันตัวขายหอบเงินหนี

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม, พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล, พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์,รอง ผกก.3 บก.ป. และพ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืนรอง ผกก.4 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.3 บก.ป. และพ.ต.ต.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัวนายอนุวัตร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเดชอุดม ที่ จ 71/2563 ลง 15 ต.ค. 63 ในข้อหา ครอบครองทรัพย์ซึ้งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้น เป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต

สืบเนื่องจากเมื่อปี 2561 นายอนุวัตร ผู้ต้องหาได้รู้จักกับผู้เสียหายผ่านทางเว็บไซต์เกษตร ที่ผู้เสียหายกำลังหาคนดูแลสวนผลไม้ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้แลกเปลี่ยนไลน์ติดต่อกับนายอนุวัตร์ ต่อมาเดือนม.ค.63 ผู้เสียหายได้ตกลงว่าจ้างผู้ต้องหาซึ่งชอบอ้างว่าตนเองมีความรู้ในการทำการเกษตรกรรม หลอกให้ผู้เสียหายลงทุนเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ในสวนเป็นการสร้างรายได้เสริม โดยแนะนำให้ลงทุนเลี้ยงเป็ดแล้วแบ่งกำไรกันซึ่งในครั้งแรกลงทุนเลี้ยงจำนวน 100 ตัว เลี้ยงประมาณ 2 เดือน ซึ่งได้ผลตอบแทนตามที่ตกลง

จึงทำให้ผู้เสียหายมีความไว้เนื้อเชื่อใจ ยอมลงทุนอีก แต่นายอนุวัตร์ กลับอ้างว่าขาดทุนเนื่องจากเป็นช่วงโรคโควิด-19 ระบาด จึงขอให้ผู้เสียหายลงทุนเลี้ยงเป็ดเพิ่มอีกเป็นจำนวน 1,000 ตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป นายอนุวัตร์ กลับจับเป็ดขายทั้งหมดแล้วหลบหนีไป สร้างความเสียหายเกือบสองแสนบาท ทางผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความต่อ พงส.สภ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี และได้เข้ามาร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายอนุวัตร์ มาดำเนินคดี

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ชุดจับกุมสืบสวนจนทราบว่า นายอนุวัตร์ จะเดินทางบริเวณเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อพบนายอนุวัตร์ จึงได้เข้าจับกุมนำส่ง สภ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ดำเนินคดี จากการสอบถามนายอนุวัตร์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตรวจสอบประวัติพบว่า นายอนุวัตร์ มีหมายจับติดตัวของศาลแขวงนครสวรรค์ ที่ จ.100/2562 ลง 18 มิ.ย.62 ในข้อหา “ครอบครองทรัพย์ซึ้งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้น เป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต” อีกหนึ่งหมายจับ

ขอบคุณข้อมูล -สยามรัฐ