Social :



เลื่อนอ่านอุทธรณ์ “ซินแสโชกุน” หลอกไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่กลับลอยแพคาสนามบิน ไป 12 มี.ค. ปีหน้า

08 ธ.ค. 63 12:12
เลื่อนอ่านอุทธรณ์ “ซินแสโชกุน” หลอกไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่กลับลอยแพคาสนามบิน ไป 12 มี.ค. ปีหน้า

เลื่อนอ่านอุทธรณ์ “ซินแสโชกุน” หลอกไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่กลับลอยแพคาสนามบิน ไป 12 มี.ค. ปีหน้า

ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ “ซินแสโชกุน” หลอกลวงลูกค้าท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น แต่กลับลอยแพคาสนามบิน ไป 12 มี.ค. ปีหน้า เหตุยังทำคำพิพากษาไม่เสร็จ



วันนี้(8ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.2176/2560ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด, น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน อายุ 30 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ, นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือจันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี มารดาของซินแสโชกุน, นายก้องศรัณย์ แสงประภา อายุ 22 ปี ลูกพี่ลูกน้องของซินแสโชกุน,น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 35 ปี เลขานุการและคนรักของซินแสโชกุน, นางประนอม พลานุสนธิ์ อายุ 40 ปี รองประธานบริษัท, นางณิชมน แสงประภา อายุ 64 ปี ป้าของซินแสโชกุน และเป็นมารดาของนายก้องศรัณย์, นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ 35 ปีผู้ดูแลการเงินและผู้ช่วยการโฆษณาของบริษัท, น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล อายุ 25 ปี ผู้ดูแลการขาย และนายโกวิท ช่วยสัตว์ อายุ 30 ปี คนรักของ น.ส.สุดารัตน์ เป็นจำเลยที่1-10ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,343พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา3, 4, 12

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
และฟ้องจำเลยที่2-10ในความผิดฐานร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลนั้นเป็นเท็จน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550มาตรา3,14 (1)และเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210

ขณะที่ บจก.เวลท์เอเวอร์และ น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่ 1-2 ยังถูกฟ้องอีกในข้อหาร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 4,6(10), 51และยังฟ้อง น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่2ในความผิดฐานซื้อหรือรับไว้ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากรฯ ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ด้วย โดยท้ายฟ้องอัยการยังขอให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย51ล้านบาทเศษ คืนให้กับผู้เสียหาย871คน พร้อมดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระร้อยละ7.5ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องคดีวันที่6ก.ค.2560หลังจากที่จำเลยชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย.2560โดยอ้างว่าจะมีสิทธิได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแถบเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง แต่มีผู้เสียหายหลายร้อยรายไม่ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นตามที่จำเลยโฆษณา เนื่องจากไม่มีสายการบินเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นตามวันเวลาที่จำเลยกล่าวอ้าง จึงติดค้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
Lif

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่าเมื่อระหว่างวันที่25ม.ค. -11เม.ย.2560น.ส.พสิษฐ์ หรือซินแสโชกุน จำเลยที่2ได้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมMASTERMINDชนิดแคปซูล รวม425กระปุก กับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมGENESISรวม50กระป๋อง รวมทั้งอาหารเสริมSMART KIDSรวม31กระป๋อง ซึ่งจำเลยที่2รู้อยู่แล้วว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีแหล่งผลิตในต่างประเทศ โดยมีผู้อื่นนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังไม่ได้เสียภาษี หรือผ่านศุลกากรให้ถูกต้อง รวมมูลค่าสินค้าและอากรที่ต้องจ่าย945,131บาท

แล้วจำเลยที่2 - 10ได้สมคบกันตั้งแต่5คนขึ้นไป กระทำผิดเป็นซ่องโจรร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แสดงข้อความอันเป็นเท็จ โฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปผ่านเพจเฟซบุ๊ค "WealthEver For Life"เว็บไซต์ยูทูปและแอพพลิเคชั่นไลน์กลุ่ม เชิญชวนให้ประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนกับพวกจำเลย จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมของบริษัทALLYSIAN(แอลลี่เชี่ยน) ซึ่งเป็นบริษัทในต่างประเทศ รวมทั้งจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูง และมีการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้สมาชิกเดินทางไปเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่10 - 15เม.ย.2560และ11- 16เม.ย.2560โดยเครื่องบินAirbus A330-300ขนาด377ที่นั่ง ของสายการบินคาร์เธ่ แปซิฟิก รวม6ลำ จนมีประชาชน871ราย หลงเชื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนทำธุรกิจกับบริษัทจำเลยที่1กับพวกได้รับความเสียหายจำนวนมาก เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธทั้งชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา

คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2561 พิพากษาว่า การกระทำของ บจก.เวลท์เอเวอร์จำเลยที่1, น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่2,น.ส.ทัศย์ดาว จำเลยที่5และ นางพารินธรญ์ จำเลยที่8เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน มาตรา4วรรคหนึ่ง,5,12ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา343พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา14 (1)และ พ.ร.บ.อาหาร มาตรา6เฉพาะจำเลยที่1-2ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไป ซึ่งการกระทำฐานฉ้อโกงและการนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น ให้ลงโทษบทหนักสุดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมฯ จำคุกจำเลยที่2, 5, 8คนละ871กระทงๆ ละ5ปี รวมจำคุก4,355ปี ให้ปรับบริษัทจำเลยที่1เป็นเงิน435,500,000บาทและให้ปรับจำเลยที่1-2รายละ20,000ตามความผิด พ.ร.บ.อาหาร จึงรวมโทษปรับบริษัทจำเลยที่1ทั้งสิ้น435,520,000บาทส่วนโทษจำคุกจำเลยที่2, 5, 8เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา91 (2)แล้ว ให้จำคุกจำเลยได้สูงสุดคนละ20ปี

ทั้งนี้ ศาลยังพิพากษาให้จำเลยที่1, 2, 5, 8ร่วมกันชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย871ราย มูลค่ากว่า51ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5ต่อปีนับแต่วันฟ้อง6ก.ค.2560เป็นต้นไป ริบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของกลางจากรถยนต์ของจำเลยที่2และจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับกุมจำเลยที่2, 5, 8ร้อยละ25ของค่าปรับจำเลยที่1เมื่อคดีถึงที่สุด ให้ยกฟ้องจำเลยที่3, 4, 6, 7, 9, 10

สำหรับวันนี้ ศาลเบิกตัวจำเลยที่2, 5, 8 จากทัณฑสถานหญิงกลางมาศาล ส่วนจำเลยที่3, 4, 6, 7, 9, 10 เดินทางมาศาล อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานัด ศาลได้แจ้งว่า ศาลอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งว่ายังทำคำพิพากษาไม่แล้วเสร็จ จึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปเป็นวันที่ 12 มี.ค. 2564 เวลา 09.00 น.



ขอบคุณข้อมูล -: mgronline.com

โพสต์โดย : Ao