Social :



ศาลยกฟ้อง เสือ ดุสิต พร้อมพวก ควงบีบีกัน ทวงเงินบ่อนไฮโล

16 ธ.ค. 63 15:12
ศาลยกฟ้อง เสือ ดุสิต พร้อมพวก ควงบีบีกัน ทวงเงินบ่อนไฮโล

ศาลยกฟ้อง เสือ ดุสิต พร้อมพวก ควงบีบีกัน ทวงเงินบ่อนไฮโล

ศาลยกฟ้อง เสือ ดุสิต พร้อมพวก ควงบีบีกัน ทวงเงินบ่อนไฮโล

วันที่ 16 ธ.ค.63 ที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสัมฤทธิ์ ริมเถื่อน หรือเสือ ดุสิต ,นายวัชระ มากจงดี ,นายอนนต์ เศรษฐ์อวยพร และ นายสัมภาษณ์ โสภี ในความผิดฐานปล้นทรัพย์

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 24 ส.ค.62 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้ง4ร่วมกันปล้นทรัพย์เอาเงินสดจำนวน 15,500บาทของนายมานิตย์ ใช้ประทุม ผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันใช้สิ่งเทียมอาวุธปืนปืนบีบีกัน 2 กระบอก ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้นเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ และเพื่อให้พ้นการจับกุม และทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ

ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33,84,340,392 ริบปืนบีบีกัน 2 กระบอกของกลางให้จำเลยทั้งสี่คืนเงิน 3,500 บาท ที่เป็นส่วนขอผู้เสียหายที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย เหตุเกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร

จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ เเละเดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ และจำเลย ทั้ง 4 แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติได้ว่าเมื่อวันที่ 23 ส.ค.62 นายมานิตย์ ใช้ประทุม ผู้เสียหายชักชวนจำเลยที่ 1 ให้ร่วมเล่นพนันไฮโลพนันเอาทรัพย์สินกันจริงจำเลยที่ 1เดินทางไปอาคารที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลย 2 โดยพกปืนบีบีกันติดตัวไปด้วย ส่วนจำเลยที่ 3-4 อยู่ในอาคารที่เกิดเหตุ

ต่อมาวันที่ 24 ส.ค.62 เวลาประมาณ03.00 น. จำเลยที่ 1 เอาเงินจากวงพนันไป 12,000บาท โดยโวยวายว่ามีการโกงการเล่นพนัน จากนั้นผู้เสียหายเจรจากับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 บอกผู้เสียหายว่าเสียพนันเงินไป 15,500 บาท ผู้เสียหายจึงมอบเงินให้จำเลยที่ 1 อีกจำนวน 3,500 บาทเพื่อให้ครบถ้วนตามที่จำเลยที่ 1 เสียเงินพนันไป

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์หรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหาย น.ส.ปัญภรณ์ อินทรจันทร์ ,ร.ต.อ.พรชัย ว่องประเสริฐ และพ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี พนักงานสอบสวน เบิกความว่าจากการสืบสวนสอบสวนผู้เสียหายและน.ส.ปัญภรณ์ ได้ความว่าในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 พาจำเลยที่ 2-4 มาร่วมเล่นการพนัน

โดยมีน.ส.ปัญภรณ์ เป็นเจ้ามือหลังจากเล่นการพนันได้สักพักจำเลยที่ 1 โวยวายกล่าวหา ผู้เสียหายและ น.ส.ปัญภรณ์โกงการเล่นไฮโล แล้วจำเลยที่1-2 ชักปืนออกข่มขู่ผู้เสียหายและ น.ส.ปัญภรณ์ ภายในวงพนันโดยมีจำเลยที่ 3-4 ยืนคุมเชิง

จากนั้นจำเลยที่ 1 ขึ้นไปยืนบนโต๊ะแล้วหยิบเอาเงินบนโต๊ะและจำเลยที่ 4 ช่วยหยิบเงินบนโต๊ะรวมกันประมาณ 12,000 บาทไปต่อมาผู้เสียหายเจรจาตกลงกับจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยทั้ง4เข้าพบพนักงานสอบสวน ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ เห็นว่าแม้ร.ต.อ.พรชัยและ พ.ต.ท.สราวุธ เบิกความโดยมีบันทึกข้อความเอกสารบันทึกคำให้การของผู้เสียหาย บันทึกคำให้การของน.ส.ปัญภรณ์และคำให้การของจำเลยทั้ง 4มาสนับสนุน

แต่ในชั้นพิจารณาผู้เสียหายและ น.ส.ปัญภรณ์กลับเบิกความว่าไม่เห็นเหตุการณ์ขณะที่จำเลยที่ 1-2 ชักปืนบีบีกันออกมาข่มขู่แล้วเอาเงินจำนวน 12,000 บาท จากวงพนันไปผู้เสียหายเพียง แต่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดูและพบจำเลยที่ 1 ทะเลาะกับบุคคลอื่นอยู่จึงเข้าไปสอบถามอันเป็นการแตกต่างในข้อสาระสำคัญทั้งผู้เสียหาย

และน.ส.ปัญภรณ์ ไม่ยืนยันข้อความตามบันทึกคำให้การ ที่พนักงานสอบสวนจัดทำขึ้น และตามภาพข้อมูลทะเบียนราษฎรของจำเลย 1-4 ที่ผู้เสียหายและน.ส.ปัญภรณ์เขียนข้อความด้วยตนเองก็มีข้อความเพียงว่าจำเลยที่ 1-4เป็นคนร้ายเท่านั้นไม่ได้เขียนยืนยันข้อเท็จจริงอื่นใด

ส่วนคำให้การของจำเลยทั้ง 4 ที่ให้การรับสารภาพนั้น จำเลยทั้ง 4 ยังโต้แย้งเรื่องความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว โดยอ้างว่าจำเลยทั้ง 4 ไม่ได้อ่านข้อความก่อนลงลายมือชื่อเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจขอให้ลงลายมือชื่อไปก่อน และเจ้าพนักงานตำรวจจะไม่ดำเนินคดีจำเลยทั้ง
Lif
4 จึงไม่ทราบว่าข้อความในบันทึกคำให้การดังกล่าวไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงและไม่ได้โต้แย้งไว้

นอกจากนี้จากทางนำสืบของโจทก์ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า สาเหตุที่จำเลยที่ 1 โวยวายและเอาเงินจากวงพนันไปจำนวน 12,000 บาท เนื่องจากจำเลยที่ 1 เข้าใจว่าตนเองถูกโกงการเล่นพนันและต่อมาผู้เสียหายเข้าเจรจาและมอบเงินให้แก่จำเลยที่ 1 อีกจำนวน 3,500 บาท ให้ครบตามที่จำเลยที่ 1 เสียเงินพนันไป

เจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่เบิกความว่าขณะจำเลยที่ 1 เล่นพนันไฮโลอยู่มีคนรู้จักในบ่อนมาบอกว่ามีการโกงการเล่นพนันจำเลยที่ 1 จึงสังเกตลูกเต๋าและพบว่าลูกเต๋าพลิกผิดปกติจำเลยที่ 1 จึงใช้มือสองข้างกวาดเงินที่อยู่บนโต๊ะและเมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาหา จำเลยที่ 1 กระโดดขึ้นบนโต๊ะที่ใช้เล่นการพนันแล้วชักปืนบีบีกันออกมา และพูดว่ามึงโกงกู

ต่อมาผู้เสียหายเดินเข้ามาจำเลยที่ 1 จึงเก็บปืนเข้าที่เอวดังเดิม และบอกผู้เสียหายว่ามีการเล่นโกง ผู้เสียหายพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว ผู้เสียหายได้หยิบเงินจากวงพนันอีก 3,500 บาท มอบให้จำเลยที่ 1แสดงว่าน่าจะมีการโกงการเล่นพนันและจำเลยที่ 1 จับได้ว่าเจ้ามือเล่นโกงทำให้จำเลยที่ 1 เสียพนันทำให้ผู้เสียหายต้องคืนเงินในวงพนันให้จำเลยที่ 1 อีก 3,500บาท

ดังนี้การที่จำเลยที่ 1 เอาเงินจำนวน 12,000 บาท คืนจากเงินกองกลางในวงพนันจึงฟังได้ว่าเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 จับได้ว่าเจ้ามือเล่นโกงทำให้จำเลยที่ 1 เสียพนัน หากเจ้ามือไม่โกงจำเลยที่ 1 อาจจะไม่ต้องเสียเงินพนันก็ได้ ที่จำเลยที่ 1 เอาเงินคืนจึงเป็นการกระทำโดยจำเลยที่ 1 เชื่อว่าตนมีสิทธิอันจะพึงมีพึงได้เงินที่เสียพนันไปคืนเพราะเจ้ามือเล่นโกง ทั้งเงินที่จำเลยที่ 1 เอาไปเป็นเงินในวงพนันที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เอาเงินอื่นใดไปอีก ส่วนเงินจำนวน 3,500 บาท ผู้เสียหายเป็นผู้มอบให้จำเลยที่ 1 เองถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาทุจริตอันเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ คดีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อมาว่าจำเลยทั้ง 4 กระทำความผิดฐานร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญหรือไม่

เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันใช้สิ่งเทียมอาวุธปืนปืนบีบีกัน 2 กระบอกทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ แต่ตามภาพประกอบรายงานการสืบสวน ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุมีเพียงภาพของจำเลยที่ 1-2 ขณะถือปืนและเงินสดโดยไม่มีภาพขณะจำเลยที่ 1-2 ใช้ปืนบีบีกันข่มขู่ผู้เสียหาย

เมื่อพิจารณาประกอบกับที่ผู้เสียหายเบิกความยืนยันว่าผู้เสียหายไม่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่จำเลยที่ 1 ใช้ ปืนบีบีกันข่มขู่เอาเงินไปจำนวน 12,000 บาท เจือสมกับภาพข่าวตามวัตถุพยานเอกสารที่ผู้เสียหายให้สัมภาษณ์ไว้หลังเกิดเหตุ 9 วันว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

มาทราบเรื่องหลังจากเป็นข่าวขณะเกิดเรื่องช่วยเจรจาปัญหาให้ และจำเลยที่ 1 เบิกความว่าไม่กล้าใช้ปืนข่มขู่ผู้เสียหาย เนื่องจากนับถือผู้เสียหายเป็นรุ่นพี่ซึ่งตรงกับที่ผู้เสียหายเบิกความว่ารู้จักกับจำเลยที่ 1เป็นเวลากว่า 10ปีและจำเลยที่ 1ให้ความเคารพผู้เสียหาย

พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควรไม่อาจรับฟังได้มั่นคงว่า ผู้เสียหายอยู่ในเหตุการณ์ขณะจำเลยที่ 1 ใช้ปืนบีบีกันขู่เข็ญเอาเงินจากวงพนันไป ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192 วรรคสอง

สำหรับปืนบีบีกันสิ่งเทียมอาวุธปืน 2 กระบอกของกลาง แม้ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยทั้ง 4 ไม่ได้กระทำความผิด แต่เมื่อปรากฏตามภาพถ่ายเอกสารว่าจำเลยที่ 1-2 ชักปืนบีบีกันดังกล่าวออกมาถือไว้ในลักษณะที่ทำให้บุคคลอื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจอันเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดก็อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบได้เพราะบทบัญญัติในเรื่องริบทรัพย์ไม่ว่าจะ เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32หรือมาตรา 33มุ่งถึงตัวทรัพย์เป็นสำคัญจึงให้ริบ

ส่วนคำขอให้จำเลยทั้ง 4 คืนเงินจำนวน 3,500 บาท ที่เป็นส่วนของผู้เสียหายคืนแก่ผู้เสียหายนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้เสียหายมอบเงินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ด้วยความสมัครใจ จึงมิใช่ทรัพย์ที่สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดคำขอส่วนนี้ให้ยกพิพากษายกฟ้องริบปืนบีบีกันจำนวน 2กระบอกของกลาง





ขอบคุณข้อมูล- Khaosod

โพสต์โดย : Ao