ศบค.ไฟเขียวงานปีใหม่ เข้มมาตรการสธ. ลุยทดลองเชื้อ 3 รอบ ก่อนตัดสินใจลดวันกักตัว

โฆษกศบค. เผย ไฟเขียวจัดงานรื่นเริงปีใหม่ แต่ขอเข้มงวดมาตรการสาธารณสุข ออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสม เน้นย้ำอย่าฝ่าฝืนกฎหมาย ลุยทดลองตรวจเชื้อ 3 รอบ ก่อนตัดสินเคาะลดวันกักตัว 10 วันหรือไม่ มท.เข้มป้องกันแพร่ระบาดแนวชายแดน

วันนี้ (17ธ.ค.) เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมา โดยขอให้ทุกฝ่ายเข้มงวดเรื่องการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ขณะนี้ใกล้ช่วงปีใหม่ จึงขอให้เพิ่มความเข้มงวดและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ที่กระทำความผิดต่างๆ หรือฝ่าฝืนที่สุ่มเสี่ยงทำให้เกิดโรคจะต้องเข้มงวดเรื่องกฎหมาย อีกเรื่องต้องทำความเข้าใจกับประชาชน และยังเน้นย้ำเรื่องของความตื่นตระหนกของประชาชนว่าต้องพยายามควบคุมและทำความเข้าใจไม่ให้ตื่นตระหนก ต้องสร้างความเชื่อมั่นโดยเร็ว โดยยกกรณีที่เคยเกิดขึ้นที่จ.ระยอง มาเทียบเคียงกับกรณีที่ท่าขี้เหล็ก ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกจังหวัด เพื่อให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถท่องเที่ยวภายในประเทศไทยได้ โดยปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างดี

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเน้นย้ำเรื่องการบันทึกข้อมูลลงในไทยชนะ อยากขอความร่วมมือประชาชน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมาหลายมาตรการ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง ดังนั้น จะต้องไม่ให้มีการแพร่ระบาดอีกรอบจนทำลายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่ต้องการให้มีการท่องเที่ยว จึงขอฝากทุกคน เพราะเรายังต้องการปลอดเชื้อในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด เพื่อที่อย่างน้อยคนไทยเรา 60 กว่าล้านคนยังไปมาหาสู่กันได้ ยังไม่มีภาพแบบประเทศทางตะวันตก ที่มีการล็อกดาวน์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 17 ธ.ค. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20 ราย มาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐทั้งหมด ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 4,281 ราย หายป่วยสะสม 3,989 อยู่ระหว่างรักษาตัว 232 ราย ส่วนสถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 74,526,806 เสียชีวิตสะสม 1,655,044 ราย

ทั้งนี้ ปลัด สธ.ได้ สรุปมาตรการเรื่องของการดูแลด้านสาธารณสุขตามแนวชายแดน โดยจากกรณีท่าขี้เหล็ก มีผู้ติดเชื้อสะสม 67 ราย ส่วนกรณีคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เทน ได้มีการนำเสนอข้อจำกัดและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ที่ประชุมรับทราบ โดยมีแนวทางพูดคุยกันว่า ในเทศกาลปีใหม่ เราสนับสนุนให้มีการจัดงานรื่นเริงได้ แต่ผู้จัด ร่วมงาน จะต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด โดยมีการเสนอแนะรูปแบบต่างๆ ออกมา เช่น การจำกัดจำนวนผู้ชม ผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ กำหนดพื้นที่ต่อจำนวนผู้ร่วมงานไม่น้อยกว่า 1 ตารางเมตรต่อคน และแม้พื้นที่จะกว้างอย่างไรแต่จะให้เกิดความแออัดไม่ได้ โดยมีการยกตัวอย่างรูปแบบการจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศอังกฤษ มีการนำแผงเหล็กมากั้นไว้เป็นล็อกๆ เพื่อให้กลุ่มคนที่มาด้วยกันได้อยู่ในล็อกเดียวกัน เพราะหากมีผู้ติดเชื้อจะสามารถควบคุมได้ นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังได้รายงานต่อที่ประชุมเรื่องความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของโลกว่ามีหลายการทดลอง คืบหน้า 62-95% ส่วนของไทยมีแผนการจัดหาวีคซีน 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร หรือ 33 ล้านคน จัดซื้อจัดหากับบริษัทแอสตราเซเนกา-ไฟเซอร์-ไซโนแวค จำนวน 26 ล้านโดส ขณะที่นายกฯได้กำชับให้มีการสนับสนุนการวิจัยวัคซีนในไทยด้วยเช่นกัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้เสนอการดำเนินการของ มท. ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามแนวชายแดน โดยแบ่งเป็นพื้นที่ชายแดน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดวางมาตรการร่วมกับหน่วยงานทหารในพื้นที่ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง ตำรวจตระเวนชายแดน กองกำลังป้องกันชายแดนให้เข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศ โดยตั้งเครื่องกีดขวางและเพิ่มการลาดตระเวน 24 ชั่วโมง ส่วนการปฏิบัติหน้าที่พื้นที่ตอนใน ให้ประสานเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จุดคัดกรองโรค บุคคล และการขนส่งสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบบุคคลที่เข้าออกมาในหมู่บ้าน หากพบคนที่มาจากพื้นที่เสี่ยงให้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข กรณีพบการละเมิดให้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งแนวทางนี้จะให้ดำเนินการทุกจังหวัดที่อยู่ติดชายแดน ทั้งนี้ นายกฯได้ฝากความห่วงใยเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่ต้องปฏิบัติงานอย่างหนัก รวมถึงให้ช่วยกันคิดแนวทางขนส่งสินค้าโดยไม่ต้องสัมผัสกัน อาจจะมีพื้นที่ส่วนกลางให้คนขายนำสินค้ามาวางแล้วคนรับมารับโดยไม่ได้สัมผัสกัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้นำเสนอที่ประชุมทราบว่า มีการปรับวันตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้เข้ารับการกักตัวในสถานกักกันตัวของรัฐ จากเดิมที่จะตรวจเชื้อ 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก วันที่ 3-5 และครั้งที่สอง 11-13 แต่เมื่อมีการพูดถึงเรื่องการลดเวลากักตัวจาก 14 วัน เป็น 10 วัน จึงคิดวิธีตรวจโรคใหม่ โดยปรับเป็น 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 คือ วันแรก ครั้งที่สอง 9-10 และครั้งที่สาม 13-14 โดยได้มีการดำเนินการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ธ.ค. และจะวิเคราะห์ประเมินผลในวันที่ 1-15 ม.ค.64 เพื่อนำข้อมูลตรงนี้มาพิจารณาว่าจะปรับลดการกักตัวเหลือ 10 วันได้หรือไม่ จะได้ไม่ต้องถกเถียงกันอีก เพราะก่อนหน้านี้มีนักวิชาการให้ความเห็นที่หลากหลาย โดยเรื่องนี้เป็นขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข หากมีความพร้อมในเรื่องทิศทางจะเป็นอย่างไรนั้น เดือนหน้าคงจะมีการนำข้อมูลมาเพิ่มเติม ส่วนจะใช้เมื่อไหร่นั้นจะต้องให้ที่ประชุมศบค. ชุดใหญ่เป็นผู้อนุมัติอีกครั้งหนึ่งว่าจะเหลือ 10 วันตามที่ทดลองหรือไม่

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ สธ.เป็นผู้พิจารณาลดค่าใช้จ่ายการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลเอกชนที่มีความลักลั่นกัน โดยขอให้ สธ.รับการสนับสนุนงบประมาณ ซึ่งเป็นงบกลาง ในที่ประชุมยังอนุมัติให้มีการจัดการแข่งขันกอล์ฟ รายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 ระหว่างวันที่ 3-9 พ.ค.64 ซึ่งเป็นรายการแข่งขันต่อเนื่องจากประเทศอื่น ขณะที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานสถานการณ์การผลิตหน้ากาก ว่าขณะนี้มี 32 โรงงานที่สามารถผลิตได้ โดยสามารถผลิตได้วันละ 4.74 ล้านชิ้น มีทั้งส่งออกและใช้ในไทย ไม่อยู่ในภาวะขาดแคลน

เมื่อถามว่า นอกจากลูกบิดประตูแล้ว เรายังต้องระวังพื้นผิวเสี่ยงสูงตรงไหนอีกบ้าง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เนื่องจากทีมสอบสวนโรคพบข้อสงสัย จึงได้สำรวจ นำเชื้อไปเพาะ จึงพบว่าอยู่ที่ลูกบิดประตู แต่การไปสัมผัสอะไรมา แล้วมาป้ายจมูก กินอาหาร ด้วยการจับช้อนหรือบนโต๊ะอาหาร หรือจากการพูดคุยแล้วมีละอองน้ำลายกระเด็น จึงเป็นไปได้หมด แต่ที่เน้นย้ำเพราะเกิดความสงสัยจากการตรวจสอบที่ลูกบิดประตู เพราะมีการสัมผัสกัน จึงขอฝากไปยังแม่บ้านให้ช่วยทำความสะอาดลูกบิดประตูเพิ่มด้วยและยังต้องเพิ่มจุดสัมผัสอีกมากมาย เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู จนในระยะหลังนี้มีการดีไซน์ออกมาว่าใช้เท้าเปิดประตูได้หรือไม่

ขอบคุณข้อมูล-: mgronline.com