Social :



คลังจ่อเปิดลงทะเบียน ‘คนละครึ่ง’ เพิ่ม 16 ล้านสิทธิ เผย 4 มาตรการกระตุ้นศก. ยันมีงบเพียงพอ

06 พ.ค. 64 16:05
คลังจ่อเปิดลงทะเบียน ‘คนละครึ่ง’ เพิ่ม 16 ล้านสิทธิ เผย 4 มาตรการกระตุ้นศก. ยันมีงบเพียงพอ

คลังจ่อเปิดลงทะเบียน ‘คนละครึ่ง’ เพิ่ม 16 ล้านสิทธิ เผย 4 มาตรการกระตุ้นศก. ยันมีงบเพียงพอ

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบการมาตรการของภาครัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลให้ประชาชนแลผู้ประกอบการ ที่มีความเปราะบางทางการเงินมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และมาตรการควบคุมอาจส่งผลต่อชีวิตประจำวัน และการดำเนินธุรกิจ ไม่ได้ตามปกติหรือเต็มศักยภาพ จึงทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวเพิ่มเติม

น.ส.กุลยา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการและรับทราบ มาตรการทางการเงินและการคลังในการเยียวยาและบรรเทาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ประกอบด้วย มาตรการด้านการเงิน สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินของประชาชน

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ส่วนมาตรการเยียวเร่งด่วน ได้แก่ โครงการ เราชนะ กลุ่มเป้าหมาย 32.9 ล้านคน บาทและ โครงการ ม.33 เรารักกัน กลุ่มเป้าหมาย 9.29 ล้านคน ที่รัฐบาลจะเพิ่มวงเงินให้อีกคนละ 2,000 บาท ให้สัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ วงเงินรวมสองโครงการ 8.55 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมในที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 มิถุนายน 2564 โดยจะได้รับอัตโนมัติและไม่มีการเปิดลงทะเบียนใหม่

น.ส.กุลยา กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย 4 มาตรการ เริ่มเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ได้แก่ โครงการ คนละครึ่ง เฟส3 โดยกลุ่มเป้าหมาย 31 ล้านคน วงเงินงบประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นผู้ที่เคยได้สิทธิ ในโครงการคนละครึ่งเฟส 1 และ เฟส 2 แล้ว จำนวน 15 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

โดยกระทรวงการคลังจะเปิดให้ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิ
Lif
ได้ลงทะเบียนเพิ่มอีก 16 ล้านสิทธิ ซึ่งช่วงวันที่จะเปิดให้ลงทะเบียนจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้ สำหรับรูปแบบการใช้จ่ายจะเป็นแบบโคเพย์ โดยรัฐบาลจะโอนเงินเข้าแอพพลิเคชัน เป๋าตัง ให้วันละ 150 บาท ทุกวันจนครบ 3,000 บาท

น.ส.กุลยา กล่าวว่า โครงการ เพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเป้าหมาย 13.65 ล้านคน และ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ กลุ่มเป้าหมาย 2.5 ล้านคน โดยรัฐบาลจะโอนเงินเพิ่มให้เดือนละ 200 บาทต่อคน เป็นเวลา 6 เดือน วงเงินรวม 1.93 หมื่นล้านบาท และโครงการ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ กลุ่มเป้าหมายจำนวน 4 ล้านคน เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ โดยรัฐบาลสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-วอยเชอร์) สำหรับใช้จ่ายซื้อสินค้า อาหารและเครื่องดื่มและค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน สูงสุด 7,000 บาทต่อคน รวมเป็นวงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ทั้ง 4 มาตรการนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการเริ่มหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เพื่อให้ทุกคนออกมาใช้จ่ายได้ คาดว่าจะเริ่มมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2654 ซึ่งใน 4 มาตรการนี้ประชาชนจะเลือกได้เพียง 1 คนต่อ 1 โครงการเท่านั้น สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิตามมาตรการคนละครึ่ง เฟส1 และ2 นั้น สามารถเข้าร่วมสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส3 ได้ ทั้งนี้ผู้ที่ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 จะไม่สามารถใช้สิทธิโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ต้องเลือกมาตรการใดมาตรการหนึ่ง

น.ส.กุลยา กล่าวว่า สำหรับมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายนนี้ ถือเป็นการช่วยเหลือได้ครอบคลุมประชากรมากที่สุดถึง 51 ล้านคน โดยใช้งบประมาณรวมกว่า 245,880 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายใต้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท

ขอบคุณที่มา ิ ข่าวมติชน

โพสต์โดย : ปลายน้ำ