Social :



ศบค. เผย 10 เขต กทม.ติดโควิดสูงสุด ‘คลองเตย ราชเทวี บางกะปิ’ นำ 4 เขตไม่พบเชื้อ

08 พ.ค. 64 16:05
ศบค. เผย 10 เขต กทม.ติดโควิดสูงสุด ‘คลองเตย ราชเทวี บางกะปิ’ นำ 4 เขตไม่พบเชื้อ

ศบค. เผย 10 เขต กทม.ติดโควิดสูงสุด ‘คลองเตย ราชเทวี บางกะปิ’ นำ 4 เขตไม่พบเชื้อ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงรายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า ประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 2,419 ราย เป็นผู้คัดกรองจากโรงพยาบาล 1,890 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 519 ราย ต่างประเทศ 10 ราย ยอดสะสม 81,274 ราย ยอดผู้เสียชีวิต 19 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 382 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 23,993 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 29,473 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ในขณะนี้ 51,419 ราย ที่น่าเป็นห่วง คือ มีผู้ป่วยอาการหนัก 1,138 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 380 ราย

15 ราย ป่วยความดันโลหิตสูง
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ข้อมูลผู้เสียชีวิต 19 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 7 ราย สมุทรปราการ ปทุมธานี จังหวัดละ 2 ราย นครสวรรค์ สมุทรสาคร กาญจนบุรี ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา นครปฐม สุรินทร์ จังหวัดละ 1 คน แบ่งเป็นเพศชาย 8 ราย เพศหญิง 11 ราย อายุตั้งแต่ 42-93 ปี ค่ากลางอายุ 68 ปี เสียชีวิต สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงการรับเชื้อ มาจากสัมผัสสมาชิกในครอบครัว 9 ราย สัมผัสใกล้ชิดเพื่อน เพื่อนร่วมงาน 2 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยัน 3 ราย ไปสถานที่แออัด ห้างสรรพสินค้า งานแต่ง 3 ราย ไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง 2 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 15 ราย เบาหวาน 7 ราย โรคหัวใจ 2 ราย ไขมันในเลือดสูง 8 ราย อ้วน 1 ราย โรคปอดเรื้อรัง 1 ราย ภูมิแพ้ 1 ราย ไตเรื้อรัง 2 ราย มะเร็ง 2 ราย และปฏิเสธโรคประจำตัว 3 ราย

“ขณะนี้กราฟผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้ติดเชื้อหายแล้วเริ่มมาบรรจบ เมื่อไรที่ยอดรายใหม่สูงขึ้น การบริหารจัดการเตียงจะมีปัญหา แต่เมื่อยอดติดเชื้อใหม่ลดลง เรายังสามารถบริหารจัดการเตียงให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยง ของการติดเชื้อใหม่ คือ ตลาด ชุมชน และขนส่ง จะเริ่มมีการรายงานกลุ่มก้อนปัจจัยเสี่ยงเยอะขึ้น เช่น กทม. 47 ราย ปริมณฑล 19 ราย จังหวัดอื่นๆ 25 ราย เน้นย้ำว่าผู้ป่วยที่พบให้ประวัติเรื่องไปตลาด สถานที่ชุมชน มีผู้คนจำนวนมาก และใช้บริการขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก็พบจำนวนมาก เพราะการติดเชื้อระยะแรกยังไม่แสดงอาการ กลับมาใช้ชีวิตใกล้ชิดบุคคลในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ทำให้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเน้นย้ำ” พญ.อภิสมัยกล่าว


พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ 3 ราย อินโดนีเซีย ปากีสถาน คูเวต อังกฤษ บังกลาเทศ เมียนมา และกัมพูชา ประเทศละ 1 ราย โดยเคสเมียนมาและกัมพูชาเดินทางเข้าประเทศผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำงานหนักตระเวนแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติและพบผู้ป่วยจากสองประเทศนี้ และทางปลัดกระทรวงมหาดไทยทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เน้นจังหวัดชายแดน
Lif
ขอความร่วมมือนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน อสม. ต้องช่วยกันเฝ้าระวังการข้ามแนวชายแดน หรือกรณีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ขอเน้นย้ำทุกหน่วยราชการ สถานประกอบการโรงงาน สถานประกอบการทั้งหมด หรือการจัดหอพักให้แรงงานพักอาศัย ร่วมกันตรวจสอบค้นหา สร้างความรับรู้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันสอดส่องเป็นตาด้วย

กทม. ยังติดเชื้อสูงสุด แตะพันราย
“โดย 10 จังหวัดที่มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสูงสุด แบ่งเป็น กทม. 1,112 ราย นนทบุรี 217 ราย สมุทรปราการ 114 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 100 ราย ปทุมธานี 93 ราย สมุทรสาคร 77 ราย ชลบุรี 72 ราย ปราจีนบุรี 63 ราย ระนอง 50 ราย สุราษฏรธานี 35 ราย ซึ่งในแต่ละวันจะเป็นกำลังที่สลับกันไป โดยในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลจะมีนโยบายเร่งด่วนตอนนี้คือการลงพื้นที่คัดกรองเชิงรุกรายวัน เพื่อที่จะได้มีการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดให้เห็นชัดเจนมากขึ้น ในส่วนของ กทม.หากไปดูในพื้นที่ที่มีการระบาดจะเห็นว่าในส่วนของคลัสเตอร์ที่เฝ้าระวัง ถือได้ว่าเป็นคลัสเตอร์สำคัญ กทม.ตอนนี้จะอยู่ที่ชุมชนโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ชุมชนวัดคลองสำปัก เขตดุสิต ปากคลองตลาด เขตพระนคร และศูนย์การค้าเขตพระนคร เขตพระนคร และอีก 50 เขตของ กทม.ก็มีการตรวจเชิงรุกเช่นเดียวกัน” พญ.อภิสมัยกล่าว

10 เขตกทม. ติดเชื้อสูงสุด
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 อันดับเขตของ กทม.ที่พบผู้ติดเชื้อรายงานสูงสุดในขณะนี้คือคลองเตย 37 ราย ราชเทวี 26 ราย ปทุมวัน 24 ราย บางกะปิ 13 ราย จตุจักร 11 ราย ดอนเมืองและลาดพร้าวเขตละ 9 ราย ดุสิต 8 ราย ยานนาวาและวังทองหลาง เขตละ 7 คน เขตที่ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อคือตลิ่งชัน ประเวศ คลองสาน และสวนหลวง นอกจากนี้ผลของที่ประชุมคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขใน ศบค. มีข้อสรุปว่าให้ทุกหน่วยงานใน กทม. ทั้งภาครัฐและเอกชนบูรณาการระบบสารสนเทศเดียวกันเพื่อแบ่งปันข้อมูลโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เร่งรัดการดำเนินการ active surveillance โดยขยายและใช้ศักยภาพของทุกหน่วยงานใน กทม.ทั้งภาคสาธารณสุขและมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์เตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยสำนักการแพทย์ กรมการแพทย์ได้ขยายเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ให้เพียงพอกับผู้ป่วยวิกฤต

เมื่อถามว่าจำนวนผู้ป่วยมีการปกปิดตัวเลขรายงาน ยอดผู้ติดเชื้อหรือมีการตรวจน้อยเพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจหรือไม่ พญ.อภิสมัยกล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะตั้งคำถามและ ศบค.ก็ตั้งคำถามเช่นเดียวกัน แต่ตัวเลขของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ส่วน กทม.และปริมณฑล เฉพาะช่วงเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการตรวจสะสมอยู่ที่ 2 แสนกว่าราย รวมแล้วอยู่วันละ 1 หมื่นกว่าราย หากถามว่าน้อยก็คงไม่น้อยแต่พอหรือไม่ก็อาจจะยังไม่พอ และโดยในแผน กทม.และปริมณฑลมีความพยายามที่จะเพิ่มสรรพกำลังทั้งในแง่ของการตรวจและบุคลากรที่จะลงตรวจ ซึ่งจะทำให้เร็วขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจไวและมากที่สุด และรวมทุกจังหวัดได้มีการตรวจเชิงรุก ทางกรมควบคุมโรคได้ขอให้ทุกจังหวัดที่มีการตรวจแม้จะไม่มีผลเป็นบวก ก็ขอความร่วมมือให้รายงานเป็นเลขศูนย์เข้ามาด้วย


เมื่อถามว่าจะมีแผนอย่างไรในการรองรับผู้ป่วยหนัก พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ตอนนี้หลายคนพยายามคำนวณตัวเลข เช่นตัวเลขผู้ป่วยสะสมจำนวน 5 หมื่นราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่กลับบ้านแล้ว 2 หมื่นกว่าราย ที่ยังอยู่ในระบบการรักษาประมาณ 2 หมื่น 9 พันราย โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น รพ.สนาม 8,000 ราย ซึ่งผู้ป่วยที่อาการหนักอยู่ที่ประมาณ 1,000 ราย หากตัวเลขอยู่ที่ 1,000 ราย เตียง บุคลากรยังพอรองรับได้แต่หากมากไปกว่านี้ เรากำลังเป็นห่วงว่าระบบสาธารณสุขที่มีอยู่ก็อาจจะตรึงเครียดมากขึ้นและอาจทำให้ประชาชนต้องรอเตียงมากขึ้น ทั้งนี้อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลในพื้นที่ตนเองอยู่ พยายามลดยอดผู้ที่มีความเสี่ยงสูงให้ได้ หากไม่มั่นใจรู้สึกว่าเป็นผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงหรือไปในพื้นที่เสี่ยง ก็ขอให้กักตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะเห็นได้ว่ามีารติดเชื้อมากขึ้นจากสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนที่สนิท ผู้ใกล้ชิด การเดินทางไปในพื้นที่แออัด ในส่วนนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของประชาชนร่วมกัน หากลดยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ ระบบสาธารณสุขที่จะรองรับให้การดูแลประชาชนให้สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างปลอดภัยก็จะดียิ่งขึ้น

ขอบคุณที่มา ข่าวมติชน

โพสต์โดย : ปลายน้ำ