Social :



รอติดตามอย่างใกล้ชิด! ศบค.รอชัดWHOรับรองวัคซีนซิโนแวค

25 พ.ค. 64 07:05
รอติดตามอย่างใกล้ชิด! ศบค.รอชัดWHOรับรองวัคซีนซิโนแวค

รอติดตามอย่างใกล้ชิด! ศบค.รอชัดWHOรับรองวัคซีนซิโนแวค

ศบค. รอชัด องค์การอนามัยโลก รับรอง วัคซีนซิโนแวค ยัน เอาผิดขนคนเข้าประเทศ ห่วง คลัสเตอร์ตลาด แคมป์ก่อสร้าง






แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เผยว่า การรับรอง วัคซีนซิโนแวค ขององค์การอนามัยโลก ขณะนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามเรื่องดังกล่าว มาระยะหนึ่ง โดยองค์การอนามัยโลกได้ให้การรับรอง วัคซีนซิโนฟาร์ม และระดับต่อไปคือซิโนแวค ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข กำลังติดตามการยืนยันที่เป็นเอกสาร เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการยืนยันหลักฐาน ที่เป็นเอกสารหากได้ข้อสรุปทั้งสองเรื่อง จะนำมารายงานให้กับประชาชนอย่างเร็วที่สุด

แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุ ที่ประชุมมีการรายงานการสกัดกั้น ลักลอบเข้าประเทศ ไทยในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ยอดรวม 105 ราย ทั้งนี้ หากพบบริษัทใดช่วยเหลือในการลักลอบเข้าประเทศ ถือว่ามีความผิด และจะติดตามลงโทษให้เกิดความเหมาะสม ดังนั้นขอความร่วมมือประชาชนเรื่องดังกล่าว โดยยืนยันว่า ไม่ได้ห้ามที่จะเดินทางกลับประเทศ แต่เมื่อทำผิด เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด บุคคลใดให้ที่พัก ให้การช่วยเหลือในการเดินทาง ช่วยเหลือเรื่องการขนส่ง หรือแม่กระทั่งการเดินทางโดยประชาชนคนไทยกลับบ้าน เราต้องช่วยกันทุกทิศทางเพื่อทำให้การเฝ้าระวังในส่วนนี้ประสบความสำเร็จ




“บิ๊กป้อม”ขู่ฟันวินัย-อาญาปล่อยมีลักลอบเข้าเมือง
ส่วนการรายงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ มีการพูดคุยในรายละเอียด เนื่องจากมีการติดเชื้อของผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียมเดียวกัน ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ จำนวน 81 ราย สรุปในภาพรวมของประเทศ จะพบว่าขณะนี้มีพื้นที่จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เป็น 27 จังหวัด และมีตัวเลขรายงานการติดเชื้อไม่เกิน 10 ราย เพิ่มมากขึ้นถึง 28 จังหวัด ถือได้ว่ามีทิศทางแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น

ส่วนผู้ติดเชื้อเกิน 100 ราย อยู่ที่กรุงเทพฯ เพชรบุรี สมุทรปราการ และชลบุรี ส่วนปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อจะเห็นได้ว่า รายงานสัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยันก่อนหน้านี้ การอยู่ในพื้นที่ชุมชนแออัด ซึ่งมีการเน้นย้ำในหลายวันติดต่อกันซึ่งกระจายอยู่ในหลายจังหวัด ซึ่ง ศบค. เน้นย้ำการเฝ้าระมัดระวัง โดยมีการหารือถึงศูนย์บริหารจัดการข้อมูลและการส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องมีการรวมศูนย์ให้เป็นที่เดียว เพื่อการบริหารจัดการ และส่งต่อให้รวดเร็วที่สุด โคลิงค์ประกอบด้วยโคแลป ไม่ว่าจะตรวจที่ภาครัฐและเอกชน จะต้องมีการรวมศูนย์ข้อมูลมายังจุดเดียว

หลังจากนั้น ประชาชนที่ได้รับผลการรายงานการเปรียบเทียบ จะต้องได้รับการคัดแยก ตามเกณฑ์ความรุนแรงและส่งต่อไปยังโรงพยาบาล หรือ โรงพยาบาลสนาม โดยใช้ระบบโควอร์ด ซึ่งมีการจัดการไปแล้ว 25,000 ราย นอกจากนี้ ยังมีการปฏิเสธการรักษาตามโรงพยาบาลที่ได้รับการจัดสรรกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ 14 ราย กลุ่มสีเขียวปฏิเสธ 31 เตียง ติดต่อไม่ได้อีก 46 ราย

ด้วยเหตุผลส่วนใหญ่ผู้สูงอายุ มีความกังวลหายต้องไปอยู่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งมีการดูแลตัวเองลำบาก รวมไปถึงบุคคลในครอบครัวที่กำลังรอผลตรวจเชื้ออยู่ จึงอยากรอฟังผลด้วยกัน เพื่อการจัดการเตรียมไปด้วยกัน โดยระหว่างการรอ ตัวเองอาจจะกลายเป็นผู้ที่มีอาการรุนแรง เมื่อถึงโรงพยาบาลอาจจะกลายเป็นผู้ป่วยหนักได้ ดังนั้น จึงมีมาตรการอันดับแรก คือการติดตามผู้ป่วยระหว่างรอเตียง ไม่ว่าจะยังปฏิเสธอยู่ก็จะมีกระบวนการติดตาม






นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการกำหนดมาตรการในการรอเตียง เน้นย้ำว่า ไม่ได้สนับสนุนในการใช้วิธีการ Home Quarantine อยู่รักษาที่บ้าน เนื่องจากมีความเสี่ยง 2 ประการ โดยอาจทำให้อาการทรุดลง การอยู่บ้านการป้องกันการแพร่เชื้อ การแยกห้องน้ำ หรือใช้พื้นที่ต่างๆร่วมกัน อาจจะได้มาตรฐาน และเป็นเหตุให้บุคคลในครอบครัว หรือบุคคลในชุมชนนั้นติดเชื้อเพิ่ม กรมการแพทย์และกรมควบคุมโรค จะได้มีการหารือกัน Home Isolation กำหนด ไปก็เพิ่งจะมีมาตรการที่จะต้องกำหนดเงื่อนไข อย่างไรในสัปดาห์นี้ จะต้องมีการหารือและออกมาเป็นรายละเอียด

ส่วนการติดเชื้อภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พื้นที่กรุงเทพฯ มีการเฝ้าระวัง 26 เขต 32 คลัสเตอร์ โดยมีการเพิ่ม 2 แห่ง คือ เขตทุ่งครุเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า และเขตบางแค เป็นสถานดูแลผู้สูงอายุเอกชน 3 แห่ง โดยเฉพาะมีการหารือกันในประเด็นสถานดูแลผู้สูงอายุ จะทำให้มีอาการหนักและมีโอกาสทำให้เกิดการเสียชีวิต ส่วนการเริ่มต้นเกิดจากผู้ดูแล 3 คนนั้น ติดเชื้อจึงทำให้เกิดการติดเชื้อภายในกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้ง 3 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อ กว่า 20 รายแล้ว

พร้อมขอความร่วมมือ ผู้ประกอบกิจการออกมาตรการอย่างเข้มข้น ส่วนในคลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้าง ขอความร่วมมือแคมป์คนงานก่อสร้างบริษัทที่ดูแลแรงงานเหล่านี้ จัดให้มีมาตรการการจัดที่พักอาศัย โดยเน้นย้ำการใช้พื้นที่ หมายถึงการเดินทางการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้ ว่า ทำการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามพื้นที่ ขอให้ทำเอกสารขออนุญาตมายังสำนักงานเขต

และ ทางสำนักโยธาธิการ กทม. รายงานว่า มีการขอความร่วมมือส่งเอกสารตัวอย่างบริษัทก่อสร้าง ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานโยธาธิการ กทม. 134 ราย ส่งเอกสารเชิญประชุมหารือร่วมกันทำการจัดการที่พักอาศัย ไซต์ก่อสร้าง สถานที่ทำงาน ซึ่ง ศบค. เห็นใจเนื่องจากเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ช็อก!นนทบุรีพบแคมป์ก่อสร้างสภาติดโควิด519คน
Lif
 

นอกจากนี้ ขณะนี้มีการพูดคุยกัน ถึงการตั้งศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดใน 50 เขต ซึ่งทุกเขต มีการกำหนดให้สามารถอยู่ตลอดเตรียมเฝ้าระวัง และมีความพร้อม อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง มีทีมตรวจค้นหาเชิงรุก ของกรมควบคุมโรค โดยมีบุคลากรของกรมควบคุมโรค

 
 

อนุทิน 24-5-64

 

“อนุทิน” ยัน “วัคซีนซิโนแวค” ยื่นเรื่ององค์การอนามัยโลกอยู่ ชี้รัฐบาลไปกดดัน WHO ไม่ได้ แต่มีข้อมูลยืนยันมีประสิทธิภาพ มาตรฐานความปลอดภัย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีมีผู้เรียกร้องให้รัฐบาลกดดันให้ผู้ผลิตวัคซีนซิโนแวค เร่งดำเนินการให้วัคซีน ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ว่า รัฐบาลจะไปกดดันได้อย่างไร และทำไมต้องไปกดดัน เพราะซิโนแวค เขาก็ทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว โดยยื่นเรื่องถึงองค์การอนามัยโลกแล้ว ซึ่งองค์การอนามัยโลก ก็ไปตรวจสอบโรงงานซิโนฟาร์ม และโรงานซิโนแวค แต่เขาตรวจสอบซิโนฟาร์มก่อน และรับรองก่อน จากนั้นก็ไปตรวจโรงงานซิโนแวค ก็อยู่ในขั้นตอน ส่วนจะรับรองหรือไม่รับรองก็เป็นเรื่องขององค์การอนามัยโลก

ทั้งนี้ แต่วัคซีนซิโนแวค ก็ถูกตรวจสอบ และรับรองจากหลายสถาบันการแพทย์ว่าเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพสูง อย่างในไทยก็ได้รับการรับรอง จาก อย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจากข้อมูลต่างๆ จากการฉีดไป กว่า 3 ล้านโดส ในประเทศไทย โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ฉีดของซิโนแวค พบว่ามีภูมิคุ้มกันขึ้นสูงเช่นกัน ดังนั้น ก็เป็นไปตามหลักการวิชาการ จึงขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีทางเอาวัคซีนที่ไม่มีคุณภาพมาฉีดให้ประชาชน

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับวันที่ 7 มิ.ย. นี้ วัคซีนที่จะนำมาฉีดกับทุกคน ดังนั้น ทุกคนจะได้รับวัคซีนที่ดี มีมาตรฐานที่เหมาะสม ส่วนกรณีมีผู้พูดถึงการฉีดวัคซีนซ้ำ เข็ม 3 นั้น ขอย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข มีคณะกรรมการวิชาการด้านการแพทย์พิจารณาอยู่ ถ้าคณะกรรมการบอกว่าให้ฉีดซ้ำเข็ม 3 ก็ทำ เพราะทำตามหลักวิชาการอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ใครเดินมา ไม่ใช่คณะกรรมการ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วมาบอก จึงทำตามไม่ได้

ทั้งนี้ ตนทำตามคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการวิชาการของเรา ทุกอย่างมีขั้นตอน เพราะเป็นเรื่องสุขภาพ ชีวิต ความปลอดภัยที่ต้องทำตาม

 

นพ.เกียรติภูมิ-วงศ์รจิต อนุทิน

ปลัด สธ. ยันวัคซีนแอสตราฯ เข้าไทยตามแผนเดิม มิ.ย.64 เผย ปรับแผนกระจายวัคซีนโควิดขยายเวลารับเข็มที่ 2 ได้ถึง 16 สัปดาห์ มีข้อมูลวิชาการยืนยันกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากขึ้น
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงประเด็นในสังคมออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์ กรณีหลายโรงพยาบาลเลื่อนนัดการรับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 ออกไป จนเกิดคำถามว่า มีการนำวัคซีนไปให้ใครฉีดก่อนหรือไม่

หรือว่ามีการปรับแผนการกระจายวัคซีนโควิดใหม่นั้น ว่า จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ฉีดแก่ประชาชนมากขึ้น และเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนโควิดแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 ที่มีการขยายเวลาการรับนั้น ได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่า สามารถรับเข็มที่ 2 ได้ 16 สัปดาห์ จากเดิม 10 สัปดาห์ ซึ่งเลื่อนทั้งหมดให้เป็นลอตเดียวกัน หมายถึงตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2564 ที่จะมีการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 1 ก็จะเป็นเดือน มิ.ย. หลังจากนั้น เข็มที่ 2 ก็จะเป็นเดือน ต.ค. 2564 ส่วนนี้ มีข้อมูลวิชาการรองรับว่า ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงขึ้นได้เร็ว

ส่วนกรณีมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า โรงพยาบาลเลื่อนรับวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 เพราะรัฐบาลอาจไม่พร้อม เรื่องจำนวนวัคซีนที่จะเข้ามา นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ทางแอสตราเซเนกา เข้าใจในแผนการกระจายจัดการวัคซีนของไทย และหารือกันแล้วว่า ต้องจัดส่งให้ได้ตามแผน ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาอะไร โดยที่คุยไว้จะต้องส่งมาเดือน มิ.ย.2564 ซึ่งลอตที่ผลิตมาก่อน ทางไทยก็อยากจะขอเข้ามาก่อน แต่จีนก็มีกระบวนการ

ซึ่งคาดว่า มิ.ย. ก็จะได้ตามแผน แต่ปัจจุบันไทยก็มีวัคซีนซิโนแวค อยู่ โดยขณะนี้รอลอตลีลีสประมาณ 2.5 ล้านโดส และเดือน มิ.ย. จะสั่งอีก 3 ล้านโดสเป็นอย่างน้อย นำมาประกบกับวัคซีนแอสตราเซเนกาอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตามแผนทางแอสตราเซเนกา ต้องส่งวัคซีนให้เราตามแผน ช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งทางนั้นก็เป็นบริษัทใหญ่ เมื่อเห็นแผนของไทย สำหรับแผนกระจายวัคซีนโควิดที่มีการปรับเปลี่ยนนั้น ก็เป็นไปตามสถานการณ์โควิด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ประชาชนทุกคนต้องได้รับวัคซีนโควิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ทั้งหมด




ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy