แจงปมเลื่อนฉีดวัคซีน!! นายกฯไม่โทษใครเลื่อนฉีดวัคซีนแค่เข้าใจไม่ตรงกัน

นายกฯ แจงปมเลื่อนฉีดวัคซีน แค่ เข้าใจไม่ตรงกัน โดยจะไม่โทษใคร จ่อแก้ไขนัดฉีดวัคซีนให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่รัฐบาลจัดสรรให้ ขอเน้นให้ผู้ลงทะเบียนแอปหมอพร้อมก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงปัญหาการ เลื่อนฉีดวัคซีน ของแต่ละแห่งทั่วประเทศ ว่า การบริหารวัคซีน รัฐจะต้องกระจายจากจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา ซึ่งเป็นการทยอยส่งมอบให้รัฐบาลเป็นแบบรายเดือน โดยได้มีการหารือกันว่า หลังจากนี้ให้นัดวันฉีดวัคซีน ให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่รัฐบาลจัดสรรให้ เช่น หากรัฐบาลจัดสรรวัคซีนให้ 1 ล้านโดสต่อเดือน การกระจายก็จะทยอยส่งทีละ 1-2 แสนโดส ถ้าหากมีวัคซีนไม่พอ เมื่อวัคซีนลอตใหม่เข้ามารัฐบาลก็จะจัดสรรเพิ่มเติมให้ โดยในตอนนี้เป็นการจัดสรรให้กับผู้ลงทะเบียนแอปหมอพร้อม และลงทะเบียนในพื้นที่ต่างๆแต่ละจังหวัด

ขณะที่ จุดฉีดวัคซีนในกรุงเทพที่มีเป็นร้อยแห่ง ก็ที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากหน่วยงานประกันสังคม ครู และกลุ่มเสี่ยง ด้วยพร้อมย้ำว่าวัคซีนที่จะเข้าไทยในปีนี้รวมแล้วกว่า 100 ล้านโดส ยืนยันเดินหน้าเจรจาซื้อวัคซีนต่อเนื่องในปีหน้าต่อไป พร้อมยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความเข้าใจไม่ตรงกัน โดยจะไม่โทษใคร ซึ่งวันนี้ได้เน้นย้ำไปกลับ ผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกภาคส่วน ให้บริหารจัดการวัคซีนตามที่ได้มอบนโยบายไปยืนยัน ตนบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการ 5 สถานที่ ในกรุงเทพฯ ตนได้ แจ้งให้ผู้ว่า กรุงเทพมหานครให้เร่งดำเนินการประกาศโดยเร็ว เพราะรัฐบาลได้ให้ข่าวมาตั้งแต่เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา อีกทั้งการขอผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว ผู้ว่ากทม.ก็เป็นผู้เสนอเข้ามา ว่าจะให้ผ่อนคลายมาตรการในวันจันทร์ ที่14 มิถุนายน ซึ่งจะต้องมีการประกาศตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมทิ้งท้ายว่าทุกปัญหาต้องมีการแก้ไขและกล่าวขอโทษต่อประชาชน และยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาการสื่อสารไม่ตรงกันอีก เพราะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน

นายกฯ ยืนยัน ไม่ได้ต้องการรวบอำนาจไว้คนเดียว ย้ำ รัฐบาลอยู่ครบเทอม ยัน ไม่มีการทุจริตสามารถตรวจสอบได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาชี้พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านต่อสมาชิกวุฒิสภา โดยยืนยันว่าไม่ได้ต้องการ รวบอำนาจเข้ามาอยู่ที่ตนเอง สั่งการกฎหมาย 31 ฉบับ ตนจะทำไปทำบ้าอะไร แต่ที่ทำเพราะต้องการปลดล็อกให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน แก้ปัญหาตัวเองได้ พร้อมกล่าวย้ำกลางสภายืนยันรัฐบาลอยู่ครบเทอมไม่ต้องมาถามต่อและยืนยันไม่มีการทุจริต รัฐบาลพร้อมตรวจสอบหากมีหลักฐานให้ส่งเข้ามาถึงนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ระหว่างตอบคำถามสมาชิกส.ว. มีจดหมายจาก พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร ที่ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ระบุว่าขอให้เป็นการอภิปรายก่อนอย่าพึ่งซักถาม นายกรัฐมนตรี จึงบอกว่า “เขาไล่ผมแล้ว เห็นได้เลยว่าไม่มีพวก ก่อนจะถามส.ว.ว่ามีใครไม่เชื่อมั่นตนบ้างให้ยกมือขึ้น ด้านส.ว.ได้แต่หัวเราะ นายกจึงพูดต่อว่า ไม่มี พร้อมยืนยัน ตนปฏิบัติหน้าที่มา 7 ปี ตนไม่เคยมายุ่ง ตนเคารพตลอด ตนโดนไล่ทุกวันยิ่งไล่ตนยิ่งสู้ โอเคไหม ใครจะสู้กับตน ไม่เลยหรือ ตนรู้ว่าส่งใจให้ตนอยู่แล้วทุกคน “

นายกฯ แจงสว. ยัน มีความจำเป็นต้องกู้เงินแก้ปัญหาเร่งด่วน พร้อมยอมรับวัคซีนมีน้อยกว่ายอดการจองฉีด ย้ำรัฐบาลเจรจาจัดหาวัคซีนต่อเนื่อง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาชี้แจงพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านต่อสมาชิกวุฒิสภา โดยยืนยันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่างเร่งด่วนพร้อมกับชี้แจงรายละเอียดการใช้เงินกู้ 1ล้านล้านบาท มีการเบิกจ่ายไปหมดแล้วเหลือเพียง 15,000 ล้านบาท ซึ่งไว้สำหรับการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ส่วนวงเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่ได้กู้ จึงขอความเป็นธรรมให้ตนเองด้วยว่า การกู้เงินจะกู้เท่าที่จำเป็น ไม่ได้กู้มากมาย

และช่วงหนึ่งได้ชี้แจงเรื่องของปัญหาการกระจายวัคซีน ว่า ช่วงเช้าได้เชิญ กทม.และ ศบค.มาชี้แจง โดยย้ำว่าการจะฉีดวัคซีนจะต้องฉีดตามที่จองไว้ ซึ่งเราได้ให้กรอบไปแล้วว่าแต่ละเดือนเราจะสรรหาวัคซีนได้เท่าไหร่และจะจัดสรรให้แต่ละจังหวัดเท่าไหร่ ยืนยันทุกจังหวัดต้องได้ฉีด จังหวัดที่มีการระบาดต้องมีการจัดสรรเพิ่มเข้าไป รวมถึงที่มีการระบาดในรายงานและ และบุคลากรครูเพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดภาคเรียน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการจองวัคซีนมากกว่าวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร ดังนั้นระดับของจังหวัดจะต้องไม่นัดเกินกว่าจำนวนวัคซีนที่ท่านได้รับ เพราะวัคซีนไม่ได้จัดสรรให้ทีเดียวแต่เป็นการทยอยให้ สารและการประชาสัมพันธ์ขอให้ฟังรัฐบาล เป็นหลัง วันนี้มีทั้งเรื่องของการบิดเบือนและมีการเมืองเข้ามาแทรกแซง และไม่ได้มีฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียวมีฝ่ายค้าน ตนเคารพทุกความเห็น พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมีการเจรจาจัดสรรจัดหาวัคซีนอย่างต่อเนื่อง แม้ไทยจะเป็นฐานการผลิต astrazeneca แต่ก็ต้องได้รับการขอการอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน ตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาโรงงานขนาดใหญ่ในประเทศอินเดียถูกปิด ผลกระทบต่อการผลิตวัคซีนของ astrazeneca พร้อมย้ำว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้ใครทำผิด จากนโยบายที่ตนเองให้ไว้

 

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews