Social :



สธ.เผยรายงาน เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 68 ราย ผู้เชี่ยวชาญสรุป 13 ราย ไม่เกี่ยว

17 มิ.ย. 64 14:06
สธ.เผยรายงาน เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 68 ราย ผู้เชี่ยวชาญสรุป 13 ราย ไม่เกี่ยว

สธ.เผยรายงาน เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 68 ราย ผู้เชี่ยวชาญสรุป 13 ราย ไม่เกี่ยว

สธ.เผยรายงาน เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 68 ราย ผู้เชี่ยวชาญสรุป 13 ราย ไม่เกี่ยววันที่ 17 มิ.ย.64 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการรับวัคซีนโควิด 19 ว่า ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – วันที่ 16 มิ.ย. รวม 7,003,783 โดส เป็นการฉีดวัคซีนซิโนแวค 3,214,385 โดส มีอาการไม่พึงประสงค์ในกลุ่มที่มีอาการจนต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล 993 ราย คิดเป็นอัตรา 20 รายต่อการฉีดแสนโดส


อาการที่พบบ่อย ได้แก่ เวียนศีรษะ 20% คลื่นไส้ 15% ปวดศีรษะ 12% อาเจียน 8% ผื่น 7% ปวดกล้ามเนื้อ 6% ท้องเสีย 5% และคัน 4% ถือเป็นอาการที่เจอได้เหมือนวัคซีนตัวอื่นที่เจอกันมา

ส่วน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดแล้ว 1,943,693 โดส มีอาการไม่พึงประสงค์ที่เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน 472 ราย คิดเป็นอัตรา 24 รายต่อการฉีดแสนโดส สูงกว่าซิโนแวคเล็กน้อย อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ไข้ 31% ปวดศีรษะ 27% เวียนศีรษะ 21% คลื่นไส้ 21% อาเจียน 20% ปวดกล้ามเนื้อ 15% อ่อนเพลีย 13% และถ่ายเหลว 7%

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด 19 จำนวน 68 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคส่วนกลาง ได้ประชุมพิจารณาและมีข้อสรุปแล้ว 13 ราย ไม่มีรายใดที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือตัววัคซีน เป็นเหตุการณ์ร่วมเท่านั้น ได้แก่ หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 8 ราย ลิ่มเลือดเป็นจ้ำเลือด 1 ราย ลิ่มเลือดอุดตันในปอด 1 ราย เยื้อหุ้มสมองอักเสบเป็นหนอง 1 ราย เลือดออกในช่องท้อง 1
Lif
ราย และเลือดออกในสมองจากความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง 1 ราย ส่วนที่กำลังรอสอบสวนโรคและรอผลชันสูตร 55 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. มีการพิจารณาเพิ่มเติมไปหลายแล้ว จะมีการสรุปและมารายงานเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในการพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญฯ เลขานุการของคณะจะรวบรวมข้อมูลมาจากโรงพยาบาลหรือพื้นที่ว่าผู้เสียชีวิตที่มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงมีลักษณะอาการป่วยอย่างไร ฉีดวัคซีนเมื่อไร เริ่มมีอาการอย่างไร โรคประจำตัวและการรักษาเดิมเป็นอย่างไร ครอบคลุมทุกมิติ โดยผลการพิจารณาแบ่งออกเป็น 7 ประเภท คือ 1.เกี่ยวข้องกับวัคซีน 2.เกี่ยวข้องกับคุณภาพของวัคซีน เรื่องนี้ป้องกันตั้งแต่ต้นโดยการตรวจคุณภาพของวัคซีน แต่หากมีข้อสงสัยจะมีการเก็บขวดวัคซีนที่ฉีดแล้วมาตรวจซ้ำ

3.เกี่ยวข้องกับการให้บริการฉีดวัคซีน 4.เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนที่ไม่ได้มีสาเหตุทางกายภาพ เช่น อาการชา เอกซเรย์สมองไม่มีสาเหตุ หายได้เองทุกราย 5.เป็นเหตุการณ์ร่วมที่ไม่เกี่ยวกับวัคซีนแต่บังเอิญเกิดร่วมกัน ก่อนฉีดวัคซีนมีโรคเกิดอยู่แล้ว อธิบายสาเหตุการตายได้ เกิดได้เองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน 6.ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน ซึ่งสาเหตุการตายชัดเจน แต่ความเชื่อมโยงกับวัคซีนอาจเป็นโรคใหม่ๆ มีข้อที่ต้องพิสูจน์ต่อ จึงต้องเก็บรวบรวมข้อมูล หากเจอกรณีคล้ายกันหรือมีข้อสรุปอื่นใดเพิ่มเติมก็นำมาพิสูน์ทราบเพิ่มเติมได้ และ 7.ข้อมูลยังไม่เพียงพอที่จะสรุป

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีนมีทุกประเทศ ยกตัวอย่าง สหรัฐอเมริกา มีประชากร 328 ล้านคน ปกติเสียชีวิตปีละ 3.3 ล้านคน ขณะนี้ฉีดวัคซีน 312 ล้านโดส ฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2563 – 3 พ.ค. 2564 รวม 259 ล้านโดส มีรายงานเสียชีวิตหลังฉีด 4,173 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญได้ข้อสรุปว่าไม่มีสาเหตุจากวัคซีนโควิด 19 แต่อย่างใด

เช่นเดียวกับประเทศไทย ประชากรเกือบ 70 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 5 แสนกว่ารายต่อปี หรือประมาณหลักหมื่นรายต่อเดือน เวลาพิสูจน์สาเหตุมีหลายกรณีที่เห็นสาเหตุการตายแล้วต้องมาเทียบอัตราการเสียชีวิตของสาเหตุนั้น เพื่อจะช่วยสรุปหรือบ่งบอกว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังมีการฉีดวัคซีนหรือไม่ เกี่ยวโยงกันหรือไม่

“สธ.ให้ความสำคัญสูงสุดเรื่องความปลอดภัยของประชาชน หากมีข้อมูลใดนำมาพิสูจน์ทราบเพื่อให้เห็นความชัดเจนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อข้อสรุปที่น่าเชื่อถือและมั่นใจ จนถึงตอนนี้วัคซีนยังมีความปลอดภัยเช่นเดียวกับวัคซีนหลากหลายยี่ห้อที่ฉีดทั่วโลกหลายร้อยล้านโดสที่มีความปลอดภัยและยังฉีดต่อไป” นพ.เฉวตสรรกล่าว

ขอบคุณที่มา ข่าวสด

โพสต์โดย : ปลายน้ำ