Social :



นักวิชาการจวก จังหวัดอ้างกลัวแพร่เชื้อ สั่งล็อกตู้ปันสุข ซัดซ้ำเติมคนจนให้แย่หนักขึ้นไปอีก

13 ส.ค. 64 12:08
นักวิชาการจวก จังหวัดอ้างกลัวแพร่เชื้อ สั่งล็อกตู้ปันสุข ซัดซ้ำเติมคนจนให้แย่หนักขึ้นไปอีก

นักวิชาการจวก จังหวัดอ้างกลัวแพร่เชื้อ สั่งล็อกตู้ปันสุข ซัดซ้ำเติมคนจนให้แย่หนักขึ้นไปอีก

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพ และข้อความจากผู้ใช้ Facebook ชื่อ Pinkaew Laungaramsri ซึ่งเป็นบัญชี Facebook ของ รองศาสตราจารย์ดร. ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี นักวิชาการด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขียนบอกเล่าเรื่องราวว่า ปกติจะนำอาหารแห้งมาวางไว้ที่ตู้ปันสุขเหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่ครั้งล่าสุดพบว่าตู้ล็อก เมื่อโทรไปประสานงาน สอบถามกับผู้ที่เกี่ยวข้องระบุว่าเป็นคำสั่งของจังหวัด ขณะที่ทางเทศบาลแจ้งว่าอาจจะแจกต้องทำผ่านหน่วยงานรัฐ ทั้งนี้ อาจารย์คนดังกล่าวมองว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ยุติธรรม เพราะที่ในห้าง สามารถเปิดขายอาหารได้ คนหนาแน่นในวันหยุด แต่ตู้ปันสุข ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของคนจน กลับถูกมองเป็นแหล่งแพร่เชื้อสำคัญจนต้องสั่งล็อค

“เอาอาหารแห้งมา จะมาวางที่ตู้ปันสุข เหมือนที่เคยทำทุกอาทิตย์ มาเจอล็อคตู้ โทรไปถามที่อุทยานราชพฤกษ์ บอกว่าเป็นคำสั่งจังหวัดลงมา และว่าคุยกับทางเทศบาล รอประสานงานก่อนว่าจะจัดการอย่างไร แต่แน่ๆคือ ต่อไปนี้การแจกของต้องทำผ่านหน่วยงานรัฐ เฮ้ยนี่มันบ้าอะไร การเอาของมาวาง คนยากคนจนมาเอาของที่ตู้ มันก่อให้เกิดการระบาดยังไง ทีห้างติดแอร์ ขายของกันได้ ไหล่แทบชนกันช่วงวันหยุด นี่มัน racist เห็นคนจนเป็นแหล่งแพร่เชื้อชัดๆ คำสั่งแย่ๆแบบนี้ มีแต่ซ้ำเติมคนจนให้แย่หนักขึ้นไปอีก” นักวิชาการคนดังกล่าวระบุ

MulticollaC
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ในการแถลงข่าวศูนย์ราชการสถานการณ์โควิคจังหวัดเชียงใหม่ ว่าจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งแนวทางปฏิบัติการแจกจ่ายอาหารหรือสิ่งของบริโภคแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดแก่อำเภอและองค์กรปกครองท้องถิ่นรับทราบทั้งหมด หากมีผู้มีจิตเป็นกุศลตั้งจุดแจกจ่ายสิ่งของตามจุดต่างๆ อาจก่อให้เกิดการรวมตัวของประชาชนเพื่อรอรับสิ่งของดังกล่าวและเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ จึงกำหนดแนวทางใหม่ว่าอาจจะมีการแจกจ่ายสิ่งของอาหารให้กับประชาชนจะต้องได้รับอนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ก่อนเท่านั้น เมื่อได้รับแจ้งการประสงค์จะขอบริจาคอาหารแล้วจะต้องมีการจัดทำบัญชีรายชื่อและสิ่งของไว้ จากนั้นจึงรวบรวมอาหารหรือสิ่งของไปบริหารแจกจ่ายยังประชาชนโดยเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้นำไปส่งมอบแก่ประชาชนตามบัญชีรายชื่อแต่ละชุมชนหมู่บ้าน

โดยสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งออกประกาศกำหนดห้ามใช้พื้นที่สาธารณะแจกจ่ายสิ่งของอาหาร เว้นแต่พื้นที่นั้นถูกกำหนดเป็นสถานที่รับอาหารสิ่งของ หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ 2558



ขอบคุณที่มา    ข่าวมติชน

โพสต์โดย : ปลายน้ำ