Social :



ทายาทอดีตส.ส.รื้อแล้ว! ทิ้งที่ดิน 592ไร่ มูลค่า 30 ล้านในเขตอช.ลำคลองู

13 ส.ค. 64 13:08
ทายาทอดีตส.ส.รื้อแล้ว! ทิ้งที่ดิน 592ไร่ มูลค่า 30 ล้านในเขตอช.ลำคลองู

ทายาทอดีตส.ส.รื้อแล้ว! ทิ้งที่ดิน 592ไร่ มูลค่า 30 ล้านในเขตอช.ลำคลองู

วันนี้ 13 ส.ค.2564 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายบรรจง รสจันทร์ นายกอบต.ชะแล นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคลิตี้ หมู่ที่ 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.6 (พุเตย) เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.18 (วังเกียง) และเจ้าหน้าที่ สปป.1 ภาคกลาง รวม จำนวน 20 นาย ได้เดินทางไปตรวจสอบติดตาม การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสิน ของทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ กลีบบัว ลูกชาย อดีตส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยอมรื้อถอน โรงเรือน จำนวน 5 หลัง สวนยางพารา ปาล์ม ไผ่ตงและพืชไร่ รวมจำนวน 592ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา มูลค่าที่ดิน และทรัพย์สิน ประมาณ 30 ล้าน ที่ปลูกสร้าง บุกรุกในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู บริเวณบ้านคลิตี้หมู่ที่ 4 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี



ทั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้ดำเนินการปราบปราม นายทุนบุกรุกป่า อย่างเด็ดขาด


การที่ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ฯยอมรื้อถอนด้วยตนเองนั้น สาเหตุมาจากเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2559 อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อ นายคงสิทธิ์ กลีบบัว ลูกชายอดีต ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี ในข้อหา “ปลูกสร้าง และยึดถือ ครอบครอง อุทยานแห่งชาติลำคลองงูโดยมิได้รับอนุญาต”นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ดำเนินคดี


ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2561 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสังไม่ฟ้อง นายคงสิทธิ์ฯเพราะขาดเจตนาในการกระทำผิด ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 นายคงสิทธิ์ฯได้ถึงแก่ความตาย กองมรดก รวมทั้งสิทธิ และหน้าที่ต่างๆ ย่อมตกแก่ทายาทโดยธรรมโดยทันที นาย กมลลาศฯ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เห็นว่าถึงแม้อัยการจังหวัดกาญจนบุรี จะมีคำสั่งไม่ฟ้องนายคงสิทธิ์ฯ
Lif
และนายคงสิทธิ์ฯ ถึงแก่ความตายไปแล้วก็ตาม แต่ที่ดินดังกล่าว จำนวน 592 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา ก็ยังอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงูนายกมลลาศฯหัวหน้าอุทยานลำคลองงู มีอำนาจประกาศคำสั่ง ให้ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ฯ ให้รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสินดังกล่าวออก ไปให้พ้นจากเขตอุทยาน ฯได้หากไม่ยอมรื้อถอน จะมีความผิดตาม มาตรา 35 (2) พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฉบับใหม่ จำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าจะรื้อถอนเสร็จ


แต่หลังจากนายกมลาศฯ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองูได้ทำการปิดประกาศคำสั่งให้ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ฯรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสิน ดังกล่าวไปแล้วในวันที่ 17 มิ.ย.2564 ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ฯยอมถอย ได้ว่าจ้างคนงาน เข้ามารื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสินดังกล่าว แต่โดยดี เรื่อยมาตั้งแต่หลังวันปิดประกาศคำสั่ง จนถึงวันนี้


หลังจากที่ทายาทโดยธรรม ของนายคงสิทธิ์ฯ ได้ทำการรื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน และทำการขนย้ายสิ่งของต่างๆออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูหมดแล้วคาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 นี้ หลังจากนั้นนายกมลาศฯ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายบรรจงฯนายกอบต.ชะแล และราษฏรชุมชนบ้านคลิตี้ จะร่วมกันพัฒนาที่ดินแห่งนี้ของนายทุนที่ยึดคืนมา โดยพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นที่ราบทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ เนื้อที่ถึงเกือบ 600 ไร่ รอบล้อมไปด้วยภูเขาที่มีป่าไม้อันสมบูรณ์ และติดกับพื้นที่มรดกโลก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ผลโดยตรงจะร่วมกันพัฒนาเป็นแหล่งทุ่งหญ้า แหล่งอาหารสัตว์ป่า เพื่อสัตว์ป่าสมบูรณ์ ผลโดยอ้อมจะร่วมกันพัฒนาเพื่อเป็นแหล่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ส่องสัตว์ป่า ซาฟารีเมืองกาญจนบุรี ให้ชุมชนในท้องถิ่นมีรายได้จากการท่องเที่ยวต่อไป และได้ร่วมกันตั้งชื่อพื้นที่แห่งนี้ใหม่ว่า “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ และสัตว์ป่าตำบลชะแล อุทยานแห่งชาติลำคลองู “เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างชุมชนในท้องถิ่น กับอุทยานแห่งชาติลำคลองงูต่อไป


ขอบคุณที่มา    ข่าวมติชน

โพสต์โดย : ปลายน้ำ