‘สมุย พลัส โมเดล’ ครบ 1 เดือน ทำรายได้จากห้องพัก 10 กว่าล้านบาท

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม การเปิดโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” ครบ 1 เดือนในวันนี้ กับเป้าหมายสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ตลอดจนพื้นที่อื่นๆ โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่เปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 เพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้คาดการณ์ไว้ว่าในช่วงเดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-15 ส.ค.64 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเกาะสมุย ประมาณ 1,000 คน จะสร้างรายได้กว่า 180 ล้านบาท และหลังจากนั้นก็จะเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2565

แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเมื่อวันที่ 17 ก.ค.64 สหภาพยุโรป (อียู) ปรับปรุงรายชื่อประเทศที่สามารถเดินทางเข้าประเทศในกลุ่มอียูได้ ไทยและรวันดาโดนถอดจากบัญชีเนื่องจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ของไทยมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อต่อจำนวนประชากรสูงเกินเกณฑ์ จึงได้ส่งผลกระทบ “สมุย พลัส โมเดล” ที่เพิ่งจะเริ่มโครงการไปได้เพียง 2 วัน

นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมหรือกฎระเบียบข้อบังคับของนักท่องเที่ยวในโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” ทางศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุย ได้อนุมัติการทำกิจกรรมของนักท่องเที่ยวให้หลากหลายมากขึ้น ในช่วง 7 วันแรก จะเป็นกิจกรรมที่ปลอดภัยไม่ปะปนกับประชาชนในพื้นที่หรือนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยวจะไม่รู้สึกเบื่อที่จะต้องอยู่แต่ในโรงแรมอย่างเดียว

และทางสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ยังได้เตรียมความพร้อมการประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศดีขึ้นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง เราก็จะประชาสัมพันธ์ไปได้มากขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวก็จะมีเพิ่มขึ้น การทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะกระจายรายได้ให้กับชุมชนหลายๆ ผู้ประกอบการ

นายรัชชพรกล่าวอีกว่า สำหรับรายได้เฉพาะห้องพักจากนักท่องเที่ยวโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” และ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้อยู่ที่ 10 กว่าล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวตั้งแต่ในช่วงแรก เนื่องจากเรามีผู้ติดเชื้อสูงในภาพรวมของประเทศ แต่สิ่งที่เราหวังไว้ก็คือ นักท่องเที่ยวจากโครงการอยู่ภูเก็ต 7+7 ที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น เราต้องรักษาพื้นที่ของเราให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดเชื้อ รักษาสุขภาพของเรา รักษามาตรฐานต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ

ขอบคุณที่มา      ข่าวมติชน