ร้านอาหาร 29 จว. คึกรับคลายล็อก ห้างยังมึนเกณฑ์
วันที่ 28 สิงหาคม ร้านอาหารใน 29 จังหวัดสีแดงเข้มเตรียมพร้อมเปิดให้ลูกค้านั่งกินในร้านได้ 50-75% หลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.คลายล็อก แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิดและผู้เสียชีวิตยังอยู่ระดับสูง แต่ต้องผ่อนปรนเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงผลการประชุมศบค. ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ว่า แม้นวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตจะยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก คือยังสามารถพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นต้องปรับตัว รับมือและอยู่ร่วมกับโรคอย่างปลอดภัย โดยจะปรับกลยุทธ์เพื่อให้การควบคุมโรคสอดคล้องกับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ทั้งนี้ พื้นที่เสี่ยงในจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ยังคงมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ห้ามออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 21.00 น.- 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น และมาตรการการปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัยหรือ เวิร์ค ฟรอม โฮม ต่อไปอย่างน้อย 14 วัน
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการเปิดกิจการ/กิจกรรม สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด โดยร้านอาหารที่อยู่นอกอาคาร หรือในอาคารแต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ โล่ง อากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ 75 % ส่วนร้านอาหารที่เป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ 50%
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ส่วนห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดดำเนินการได้ทุกแผนก ภายใต้มาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เปิดได้ถึงเวลา 20.00 แต่บางกิจการที่อยู่ในห้างให้เปิดแบบมีเงื่อนไขได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดเท้า คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น ร้านอาหาร เปิดได้ตามเงื่อนไขมาตรการร้านอาหารมีเครื่องปรับอากาศ ส่วนกิจการ/กิจกรรมที่ยังไม่เปิดบริการ ได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ และห้องจัดประชุม/จัดเลี้ยง
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ส่วนร้านเสริมสวย
ร้านนวด เฉพาะนวดเท้า สามารถเปิดใช้สนามกีฬา และสวนสาธารณะ ประเภทกลางแจ้ง หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ สามารถใช้ในการเล่น ซ้อม หรือแข่งขันกีฬาได้แบบไม่มีผู้ชม
“ที่ประชุมมีมติให้เริ่มมาตรการดังกล่าวในวันที่ 1 กันยายนในพื้นที่นำร่อง ไม่ได้มีผลบังคับใช้กับทุกสถานประกอบการ แต่ให้เปิดได้เฉพาะสถานประกอบการที่มีความพร้อม โดยความเห็นชอบของศบค.จังหวัด” พญ.อภิสมัยกล่าว
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ถือว่ารัฐบาลผ่อนคลายให้มากกว่าที่คาดหวังไว้ โดยเฉพาะร้านอาหารแบบเปิดโล่ง เดิมขอเพียงเปิดร้านให้ลูกค้านั่งได้ 50% แต่ศบค.ให้ 75% เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายฟื้นตัวได้ดี หลังจากเปิดนั่งทานที่ร้านได้ในเดือนกันยายน จากที่ยอดขายเหลืออยู่ที่ 20% เท่านั้น คาดว่ายอดขายกลับมาเพิ่มอีก 30% รวมเป็น 50% หากคิดเป็นเม็ดเงินของธุรกิจอาหารมีมูลค่า 1,400 ล้านบาทต่อวัน หากยอดขายกลับมา 50% คิดเป็นเม็ดเงิน 700 ล้านบาทต่อวัน ดังนั้นเพียง 1 เดือน จะมีเงินจากธุรกิจร้านอาหารสะพัดในระบบเศรษฐกิจรวมกว่า 21,000 ล้านบาท
ขณะที่นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ที่ศบค.แถลงยังมีความไม่ชัดเจนmujระบุถึง มาตรการ covid-free settling เช่น พนักงานที่ปฏิบัติงานต้องรับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว หรือพนักงานที่ไม่ได้รับวัคซีน ต้องตรวจด้วยชุดตรวจเอทีเคว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร ดังนั้น จะรอหนังสือจากที่ประชุม ศบค. อย่างเป็นทางการก่อน เพื่อศึกษาว่าการคลายมาตรการครั้งนี้ มีเกณฑ์ต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง
“หากต้องให้ปฏิบัติตามมาตรการ covid-free settling เพื่อให้เปิดกิจการได้นั้น คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะยังมีเวลาศึกษา ก่อนที่จะเริ่มเปิดในวันที่ 1 กันยายน”นายฉัตรชัยกล่าว
ขอบคุณที่มา ข่าวมติชน
โพสต์โดย : ปลายน้ำ