“พระครูปลัดสุวัฒนมงคลวรคุณ” หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย” เจ้าอาวาสวัดสุทธาวาสวิปัสสนา ต.ลาดบัวหลวง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พระเถราจารย์ผู้ศึกษาสรรพวิชาอาคมจากพระเกจิดัง ทั่วสารทิศ และแผ่บารมีสร้างบุญมหากุศลทานบารมีทั่วฟ้าเมืองไทยสมัญญา มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นเจ้าตำรับ “ตะกรุดมหาบารมี ๓๐ ทัศ” ปัจจุบันมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก พุทธศาสนิกชนต่างให้ความเคารพเลื่อมใสทั่วสารทิศ
โดยเฉพาะ “พิธีเป่ายันต์มหาบารมี ๓๐ ทัศ” เป็นงานบุญและพิธีกรรมประจำปีที่จัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ ๙ โดยพ.ศ.๒๕๕๙ กำหนดการวันที่ ๑๒ สิงหาคม เริ่มเวลา ๑๔.๐๙ น. โดยมีหลวงพ่อรักษ์เป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งปรกเป็นเจ้าพิธี ผู้ที่เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
โบราณาจารย์กล่าวไว้ในตำราด้วยว่า พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศอุดมไปด้วยอิทธิคุณวิเศษมากมายเหลือคณานับ เป็นพระคาถาที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรกษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้เอกราช ทรงศึกษาเล่าเรียนมาจากสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แล้วอาราธนาก่อนออกทำ “ยุทธหัตถี” กับพระมหาอุปราชา จนทำให้ทรงมีชัยชนะ ทรงปกป้องรักษาบ้านเมืองไว้ได้ สมัยโบราณตีราคาพระคาถานี้เท่ากับค่าควรเมืองเลยทีเดียว
พิธีเป่ายันต์มหาบารมี ๓๐ ทัศ จัดขึ้นเพื่อให้ลูกศิษย์ทุกคนมีความกตัญญู เคารพในครูบาอาจารย์ เพราะบุคคลใดก็ตามมีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ บุคคลนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองในงานยิ่งนัก หากท่านใดมาร่วมเข้าพิธีไหว้ครูแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพร ขอบารมีครู ตามที่ปรารถนาตั้งไว้ ถ้าไม่เหลือวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาจะพึงมีพึงได้ ถ้าไม่ได้ผลในวันนี้ก็จะได้ผลในภายหน้า
อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จพิธีหลวงพ่อรักษ์ได้เทศนาสอน เรื่องพระบารมี ๓๐ ทัศ ว่า เป็นธรรมที่นำไปให้ถึงฝั่งพระนิพพาน หมายความว่า เมื่อพระบรมโพธิสัตว์เฝ้าบำเพ็ญธรรมจนเต็มครบบริบูรณ์เต็มที่แล้วก็จะเป็นสะพานนำพระองค์ท่านให้บรรลุถึงฝั่ง คือ ได้ตรัสพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ และเสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พระบารมีธรรม” ซึ่งพระบารมีธรรมนั้นมิใช่จะบำเพ็ญเพียง ๒๐-๓๐ ชาติเท่านั้น แต่ต้องบำเพ็ญเป็นเวลายาวนานหลายอสงไขย นับพระชาติที่เกิดไม่ถ้วน
พระบารมีเหล่านี้ออกเป็นตรียางค์ คือ เป็นองค์สาม โดยจัดเป็นพระบารมีอย่างธรรมดาประเภทหนึ่ง พระบารมีอย่างกลาง และพระบารมีอย่างสูงสุดอุกฤษฏ์ พระบารมี ๓๐ ทัศ ประกอบด้วย
๑.ทานบารมี ๒.ศีลบารมี ๓.เนกขัมมบารมี ๔.ปัญญาบารมี ๕.วิริยบารมี ๖.ขันติบารมี ๗.สัจบารมี ๘.อธิษฐานบารมี ๙.เมตตาบารมี ๑๐.อุเบกขาบารมี บารมี ๑-๑๐ จัดเป็นบารมีประเภทธรรมดา ๑๑.ทานอุปบารมี ๑๒.ศีลอุปบารมี ๑๓.เนกขัมมอุปบารมี ๑๔.ปัญญาอุปบารมี ๑๕.วิริยอุปบารมี
๑๖.ขันติอุปบารมี ๑๗.สัจอุปบารมี ๑๘.อธิษฐานอุปบารมี ๑๙.เมตตาอุปบารมี ๒๐.อุเบกขาอุปบารมี บารมี ๑๑-๒๐ จัดเป็นบารมีประเภทปานกลาง ๒๑.ทานปรมัตถบารมี ๒๒.ศีลมัตถบารมี ๒๓.เนกขัมมปรมัตถบารมี ๒๔.ปัญญาปรมัตถบารมี ๒๕.วิริยปรมัตถบารมี ๒๖.ขันติปรมัตถบารมี ๒๗.สัจปรมัตถบารมี ๒๘.อธิษฐานปรมัตถบารม ๒๙.เมตตาปรมัตถบารมี และ ๓๐.อุเบกขาปรมัตถบารมี บารมี ๒๑-๓๐ จัดเป็นบารมีประเภทอุกฤษฏ์สูงสุด
ไม่มีอะไรดีเกินธรรมะ
คำสอนที่หลวงพ่อรักษ์มักพูดสอนญาติโยมเสมอๆ คือ “ให้รางวัลกับชีวิตตามอัธยาศัย ไม่มีอะไรดีเกินธรรมะ คนเราเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี บุญที่ทำบ่อยๆ นั่นแหละจะกลายเป็นบารมี ท่านทั้งหลายจะอยู่ในโลกนี้อย่างไร แบบทางโลกก็ไม่ช้ำ ทางธรรมก็ไม่ขุ่น อาทิตย์หนึ่งมี ๗ วัน ท่านทั้งหลายทำงานเลี้ยงครอบครัวไปเสีย ๖ วัน ส่วนอีกวันหนึ่งให้ท่านทำบุญปฏิบัติธรรม”
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละเดือนทางวัดได้กำหนดตารางการปฏิบัติธรรมหลักสูตร ๒ คืน ๓ วัน ตารางเวลาปฏิบัติธรรมประจำ พ.ศ.๒๕๕๙ มีดังนี้ เดือนสิงหาคม ๒๖-๒๘ เดือนกันยายน ๒๓-๒๕ เดือนตุลาคม ๒๘-๓๐ เดือนพฤศจิกายน ๒๕-๒๗ และเดือนธันวาคม ๒๙-๓๑ พ.ศ.๒๕๕๙-๑ มกราคม ๒๕๖๐
ทั้งนี้ ไม่ต้องสมัครล่วงหน้า ไม่ต้องมาตามโปรแกรมก็ได้ ส่วนผู้ที่มีวันว่างไม่ตรงกับตารางดังกล่าว ใครสะดวกวันไหน ยังไง ไปได้เลย สิ่งที่ต้องเตรียมไป ๑.ชุดขาว ๒.ของใช้ส่วนตัว สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน หมอน ผ้าห่ม (หมอน ผ้าห่ม ที่วัดมี แต่ส่วนใหญ่เอามากันเอง) ๓.ยารักษาโรคประจำตัว กิจกรรมในช่วงบวช ๑.สวดมนต์ ๒.นั่งสมาธิ ๓.เดินจงกรม ๔.ใส่บาตร และถวายสังฆทาน ตอนเช้า (ทางวัดเตรียมไว้ให้) อาหารทางวัดจัดให้ทุกมื้อ
ผู้สนใจปฏิบัติธรรมและร่วมบุญได้ที่วัดสุทธาวาส โทร.๐๙-๙๗๙๖-๒๔๖๔, ๐๙-๖๘๙๖-๔๕๔๙ และ ๐๙-๖๔๕๓-๙๔๑๕ หรือเข้าชมได้ที่ www.watsuthawasvi.com และ www.luangporrak.com
ประโยชน์แห่งวิปัสสนากรรมฐาน
หลวงพ่อรักษ์ บอกว่า อานิสงส์การฝึกวิปัสสนากรรมฐานปฏิบัติธรรมและบวชชีพรามณ์นั้น ได้บุญและอานิสงส์หลายอย่าง คือ ๑.หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา ๒.เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย ๓.สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย ๔.เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆ ไป ๕.สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
๖.จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต ๗.เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา ๘.ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ ๙.โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย และ ๑๐.ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภารกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาการให้คนได้บวช
“จะบวชเช้า สึกเย็นก็ได้ อยู่ ๑ คืน ๒ คืน ได้บุญเหมือนกัน ตามช่วงที่ปฏิบัติทางวัดอยากให้ทุกท่านหาเวลามาอยู่บวช มากน้อยตามสะดวก แค่ท่านมาปฏิบัติ แล้วกลับไปอย่างสุขใจ ปีติ ถึงเวลาจะสั้นตามสะดวกของแต่ละคน บุญที่เกิดขึ้นนั้นมากมายจริงๆ” หลวงพ่อรักษ์กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนั้น หลวงพ่อรักษ์ บอกว่า มีความคืบหน้าตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการก่อสร้างเสนาสนะ การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เหมาะสมกับเป็นสถานปฏิบัติธรรม ซึ่งทุกครั้งที่วัดจัดงานบุญ ไม่ว่าจะเป็นพิธีเป่ายันต์มหาบารมี ๓๐ ทัศ งานบุญหล่อพระ งานพุทธาภิเษกวัตถุมงคล เมื่อนิมนต์พระผู้ใหญ่มาเป็นประธานในพิธีก็จะให้ท่านปลูกต้นไม้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่วัดและความร่มรื่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
