Social :



ผบช.ภ. 5 แย้มมีจัดฉากคืน ‘น้องจีน่า’ ผู้ต้องสงสัย 4 รายลั่นไม่เกี่ยว จนท.ยังไม่ปักใจเชื่อ

10 ก.ย. 64 16:09
ผบช.ภ. 5 แย้มมีจัดฉากคืน ‘น้องจีน่า’ ผู้ต้องสงสัย 4 รายลั่นไม่เกี่ยว จนท.ยังไม่ปักใจเชื่อ

ผบช.ภ. 5 แย้มมีจัดฉากคืน ‘น้องจีน่า’ ผู้ต้องสงสัย 4 รายลั่นไม่เกี่ยว จนท.ยังไม่ปักใจเชื่อ

วันที่ 10 กันยายน 2564 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยความคืบหน้าคดี ด.ญ.พรศิริ วงศิลารุ่ง หรือน้องจีน่า วัย 1 ขวบ 11 เดือน ที่หายตัวออกจากบ้าน ที่บ้านห้วยฝักดาบ หมู่ 19 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อค่ำวันที่ 5 กันยายน จนกระทั่งพบตัวที่กระท่อมกลางป่าห่างจากหมู่บ้าน 1.5 กิโลเมตร เมื่อเที่ยงวันที่ 8 กันยายน หรือ 2 วันที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งเจ้าหน้าที่ระดมกำลัง เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าวอย่างเต็มที่ ทั้งตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรจังหวัด และกองปราบฯ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด ทั้งหลักฐานที่เกิดเหตุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งผลการตรวจร่ายกายน้องจีน่าทางการแพทย์ เพื่อให้ได้หลักฐานชัดเจน ประกอบสำนวนคดี พร้อมดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุและเกี่ยวข้องทั้งหมด

“เบื้องต้นเป็นที่แน่ชัดว่ามีผู้นำตัวน้องจีน่าไป เพราะจุดที่พบตัวน้องไม่สามารถไปได้ด้วยตัวเอง ขณะที่ผลตรวจร่างกายน้องจีน่า พบว่ามีอาการอ่อนเพลีย ไม่พบเศษอาหารในกระเพาะอาหาร ไม่มีร่องรอยสารคัดหลั่งในร่างกาย ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุ กับนายอาผะ หรือเสี่ยว อายุ 44 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นเพื่อนพ่อ มีด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้ต้องรอผลสรุป พยานหลักฐานที่แน่ชัด ว่าเกี่ยวข้องเชื่อมโยงบ่งชี้ไปถึงผู้ใดบ้าง เวลานี้ ยังไม่ได้สรุปคดีดังกล่าว” พล.ต.ท.ประจวบ กล่าว


พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวอีกว่า การสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและผู้ต้องสงสัย นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำทั้งหมด รวมทั้งลุง ป้า และเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็น 3 คนแรกที่พบตัวน้องจีน่า ซึ่งนายอาผะให้การซัดทอด นอกจากนี้ได้ติดตามหาตัวหมอผี ที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ชี้จุดจนพบตัวและสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นทั้งหมดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่ยังไม่พบข้อมูลว่ามีใครเกี่ยวข้องก่อเหตุเพิ่มอีก ส่วนนายอาผะ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเท่านั้น ส่วนการก่อเหตุลักพาตัวน้องจีน่า ว่าเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเรื่องยาเสพติดด้วยหรือไม่นั้น เวลานี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้และไม่พบประเด็นความขัดแย้งในครอบครัว อาจมีการจัดฉากคืนเด็กให้พ่อแม่เพื่ออำพราง หรือเบี่ยงเบนคดีเท่านั้น


Lif
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก. สส ภ 5 พร้อมพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่พบเห็นน้องจีน่า ที่กระท่อมกลางป่า กลุ่มแรก ประกอบด้วย นางนาคาจู ยายน้องจีน่า นายจะบูซือ จะลอ ลุงน้องจีน่า นางต่อเหล่ จะซา ป้าข้างบ้าน และหมอผีรวม 4 คน อย่างละเอียด พร้อมเก็บดีเอ็นเอส่งตรวจ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีดังกล่าว ก่อนปล่อยตัวไป เบื้องต้นกลุ่มดังกล่าวให้การเป็นประโยชน์ ต่อรูปคดี แต่ปฏิเสธการมีส่วนรู้เห็น และไม่ได้นำน้องจีน่าไปทิ้งไว้ที่กระท่อมดังกล่าว ส่วนหมอผี ที่เป็นผู้ชี้จุดพบเด็ก ให้การว่าได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัว และความเป็นไปได้เท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีดังกล่าวอย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าวต้องรอผลตรวจดีเอ็นอี และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ก่อนดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

นายทิง วรวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลอินทขิล อ.แม่แตง กล่าวว่า ส่วนตัว ไม่เชื่อว่าเด็กพลัดหลงเข้าไปในป่าเอง ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการลักพาตัวน้องจีน่า ตั้งแต่วันแรกแล้ว โดยเฉพาะในจุดที่พบเด็ก เจ้าหน้าที่เทศบาลได้ระดมกำลัง 15-20 นาย ไปค้นหาหลายครั้งแต่ไม่พบ คาดเป็นการนำเด็กมาทิ้งไว้ ก่อนมีคนแจ้งเบาะแสให้เจอเด็กดังกล่าว เชื่อว่าคนร้ายได้ซ่อนเด็กไว้ในหมู่บ้าน หลังน้องจีน่าหายตัวไปได้ 2 วัน ตำรวจได้วางแผน ให้ผู้ใหญ่บ้านไปแจ้งชาวบ้านว่า จะมีการค้นทุกหลังคาเรือนอย่างละเอียด เพื่อกดดันคนร้ายปล่อยตัวเด็ก หรือยอมบอกที่ซ่อน ซึ่งแผนดังกล่าวประสบผลสำเร็จ ได้เด็กคืนกลับสู่อ้อมกอดครอบครัวอีกครั้ง เพราะตอนที่เจ้าหน้าที่ไปพบเด็กที่กระท่อมกลางป่า พบว่าเด็กมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เหมือนคนหลงป่า เชื่อว่ามีคนดูแลน้องจีน่าระหว่างถูกลักพาตัวไป แต่มีใครเกี่ยข้องหรือร่วมขบวนการหรือไม่ เป็นหน้าที่ตรวจต้องสืบสวนสอบสวน หาตัวเพื่อกระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

ด้านนายสมชาย จะลา สม สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ตำบลอินทขิล ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านห้วยฝักดาบ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าขบวนการดังกล่าว ต้องเป็นคนในหมู่บ้าน ที่รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวน้องจีน่าเป็นอย่างดี ถ้าไม่ใช่คนในหมู่บ้าน จะไปไม่ถูก ผู้ที่นำน้องไปทิ้งไว้กระท่อมกลางป่า ต้องมีความชำนาญเส้นทาง สามารถหลบหลีกเจ้าหน้าที่ค้นหาและสายตาชาวบ้านไปได้ ระหว่างนำน้องไปทิ้งกลางป่า อาจเฝ้าสังเกตอยู่ห่าง ๆ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่มาพบตัวก่อนหลบหนีไป

ขอบคุณที่มา    ข่าวมติชน

โพสต์โดย : ปลายน้ำ