ศบค.คงมาตรการควบคุม หวั่นคลายล็อกติดเชื้อแตะ 3 หมื่น ดีเดย์จัดสรรวัคซีน 24 ล้านโดส 5 กลุ่ม
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)แถลงผลการประชุมศบค. ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน ว่า สธ. เสนอภาพรวมการดำเนินการในสถานการณ์ที่ผ่านมา เพื่อประเมินสถานการณ์กรณีผ่อนคลายมาตรการควบคุมในเดือนตุลาคม ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าหากผ่อนคลายมาตรการทั้งหมดจะทำให้มีการแพร่ระบาดหนักเหมือนช่วงก่อนล็อกดาวน์และอาจมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นแตะ 3 หมื่นคน
ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นชอบให้คงมาตรการเดิมไว้ และให้เพิ่มมาตรการ Universal Prevention หรือมาตรการป้องกันแบบครอบจักรวาล การควบคุมเดินทาง และมาตรการองค์กรด้วย COVID free setting การตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท หรือ ATK รวมถึงยังคงพื้นที่ควบคุมสูงสดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือสีแดง 37 จังหวัดและ พื้นที่ควบคุมสีส้ม 11 จังหวัดไว้คงเดิม
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการให้บริการวัคซีนครอบคลุม 70% ของประชากรทั่วประเทศ หรือ 50 ล้านคน ซึ่งสธ.นำเสนอแผนการจัดสรรหวัคซีน โดยมีวัคซีนที่จะได้รับในเดือนตุลาคม ประมาณ 24 ล้านโดส แบ่งเป็น ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสต้าเซเนก้า 10 ล้านโดส และไฟเซอร์ 8 ล้านโดส ซึ่งแผนการจัดสรรได้วางไปถึงเดือนธันวาคม หากรวมยอดที่ได้รับบริจาคด้วยจะมีประมาณ 152.9 ล้านโดส
ทั้งนี้ สำหรับ 24 ล้านโดส ที่ประชุมพิจารณาจัดสรรตามกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
1.ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 18 ปีทั่วประเทศ ใช้สูตร ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้าและ แอสตร้าเซนเนก้า 70% รวม 16.8 ล้านโดส
2.นักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ทั่วประเทศ ไฟเซอร์ 20% รวม 4.8
ล้านโดส โดยต้องเป็นไปตามความสมัครใจและมีการรายงานข้อมูลข้อเท็จจริงของผลกระทบต่อผู้ปกครอง
3.แรงงานในระบบประกันสังคม ซิโนแวค แอสตร้าซเนก้า 3% จำนวน 0.8 ล้านโดส
4.หน่วยงานอื่น ๆ เช่น องค์กรภาครัฐ ซิโนแวค แอสตร้าเซเนก้า 5% จำนวน 1.1 ล้านโดส
5. ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มและต้องการเข็มกระตุ้น เข็ม 3 ซิโนแวค แอสตร้าเซเนก้า 2% จำนวน 0.5 ล้านโดส
“ส่วนแนวทางการให้บริการฉีดวัควีน สูตรไขว้ ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า จะใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกกลุ่ม ไฟเซอร์ ไฟเซอร์ จะเป็นกลุ่มเด็ก 12-17 ปี เน้นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า โดยให้บริการฉีดผ่านสถานศึกษาทุกสังกัด ทั้งรัฐและเอกชน ตรงนี้มีข้อกังวล โดยทีมวิชาการชอว่าต้องไม่ปิดบังข้อมูลผลที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะ กรณีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ที่จะต้องมีการชีแจงให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ปกครองรับทราบว่ามีความเสี่ยงและต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อนฉีดให้เด็กเสมอ ขอให้เป็นไปโดยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ และจะมีการบริการให้กับเด็กทุกคน
ส่วนบางโรงเรียนมีมีเด็กอายุเกินกว่า 17 ปีก็อนุโลมให้ใช้สูตรเดียวกันได้และให้ได้รับการฉีดในโรงเรียน ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการต่าง ๆ และให้เริ่มใช้ในเดือนตุลาคมนี้ และมอบหมายให้สธ. ดำเนินการจัดสรรวัคซีน รวมถึงหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องการจัดสรรวัคซีนให้เด็ก รวมถึงหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เรื่องการจัดหาวัคซีน เพื่อพิจารณากรอบวงเงินต่อไป” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ขอบคุณที่มา ข่าวมติชน
โพสต์โดย : ปลายน้ำ
