เชื่อว่าวันนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก หลวงพระบาง เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกในฐานะที่ "อนุรักษ์ความเก่าแก่ดั้งเดิมไว้ได้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" (The best preserved city in South-East Asia) แน่นอนว่าที่นี่ยังมีความดิบของธรรมชาติ ความบริสุทธิ์ของอากาศ ในอุณหภูมิที่เย็นสบาย และวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของผู้คนให้เราได้เห็น ยิ่งช่วงฤดูหนาวแบบนี้ บรรยากาศคงดีไม่น้อย ว่าแต่ หลวงพระบาง จะมีอะไรน่าสนใจจนสามารถกระตุกต่อมนักเดินทางอย่างเราให้ไปเยือนได้บ้าง ตามมาดูกันเลย
วัดเชียงทอง ถือเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมล้านช้าง ณ เมืองพระบาง มีหลังคาซ้อน 3 ชั้น รูปทรงหลังคาผายกว้างออกเรียกว่าหลังคาปีกนก ทั้งภายในและภายนอกสิม(อุโบสถ)ล้วนมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นลายรดน้ำลงรักปิดทองเป็นเรื่องราวนิทานพื้นบ้านและเรื่องเกี่ยวกับศาสนา และหากเดินมาทางด้านหลังสิมก็จะเห็นลวดลายประดับกระจกสีเป็นรูปต้นไม้ใหญ่ มีนกและสัตว์นานาชนิด ซึ่งต้นไม้นั้นก็คือต้นทอง หรือต้นงิ้ว ที่พระเจ้าศรีสว่างวัฒนาได้โปรดฯ ให้ช่างทำไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึง ชื่อเชียงทอง หมายความถึง ป่าต้นทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ดั้งเดิมบริเวณนี้นั่นเอง
และสำหรับใครที่ได้มาวัดแห่งนี้ สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมก็คือ หอพระม่านและหอพระพุทธไสยาสน์ที่อยู่ด้านหลังสิม หอพระเล็กๆ สองหลังนี้ทาด้วยสีชมพู ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นลวดลายเล่าเรื่องราวนิทานพื้นบ้านของลาว หากลองเดินดูใกล้ๆ ก็จะได้เห็นภาพวิถีชีวิตของชาวลาวผ่านรูปภาพเหล่านั้นด้วย
พระธาตุจอมพูสี โด่ดเด่นอยู่บนยอดเขากลางในเมืองหลวงพระบาง ในสมัยโบราณคือศูนย์กลางวัฒนธรรม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและเป็นมิ่งขวัญของชาวหลวงพระบาง ซึ่งคนส่วนมากที่ไปเที่ยวหลวงพระบางแล้ว แต่อยากไปเห็นพระธาตุจอมพูสีจนมีคำพูดติดปากกันว่า "ไปเที่ยวหลวงพระบางถ้าไม่ได้ขึ้นพระธาตุจอมพูสีก็เท่ากับว่าไปไม่ถึงหลวงพระบาง"
วัดใหม่สุวันนะพูมาราม วัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระบาง และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาต่อหน้าพระบางอีกด้วย ปัจจุบันนี้ก็ยังใช้เป็นที่ให้ประชาชนมาสรงน้ำพระบางในวันงานบุญปีใหม่ (วันสงกรานต์)
วัดวิชุน วัดที่เจ้าชีวิตวิชุนราชโปรดฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2046 และตั้งชื่อวัดตามพระนามของพระองค์ วัดแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญอย่างพระบาง พระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางอีกด้วยเราเข้าไปไหว้พระประธานภายในสิม หลังจากกราบพระเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเดินไปด้านหลังพระประธานเพื่อชมพระพุทธรูปไม้เก่าแก่ รวมทั้งศิลปวัตถุต่างๆ ที่รวบรวมจากวัดร้างต่างๆ ในหลวงพระบางมาเก็บรักษาไว้ที่นี่ นอกจากนี้ ในวัดวิชุนยังมีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ "พระธาตุหมากโม" พระธาตุที่มีลักษณะคล้ายผลแตงโมคว่ำผ่าครึ่ง เป็นพระธาตุสำคัญของวัดและของเมืองหลวงพระบางอีกแห่งหนึ่งด้วย
ถ้ำติ่ง เป็นถ้ำน้อย ตั้งอยู่ปากอู ห่างจากหลวงพระบางประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมายมหาศาล ซึ่งไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเป็นเวลายาวนานเท่าใดที่ประชาชนได้นำเอาพระพุทธรูปมาถวายเป็นที่เคารพบูชาไว้ที่ถ้ำกลางแม่น้ำโขง ซึ่งพระพุทธรูปอยู่ที่ถ้ำดังกล่าว ยิ่งนับวันก็ยิ่งมากขึ้น เนื่องจากทุกๆ ปี เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ลาว ชาวหลวงประบางจะพากันล่องเรือมาทำบุญกันอยู่ที่นี่ ในการมาทำบุญกันแต่ละครั้งจะนำเอาพระพุทธรูปที่หล่อด้วยโลหะ และทำด้วยไม้แกะสลักมาถวาย
น้ำตกตาดกวางสี ตั้งอยู่ห่างจากหลวงพระบางลงไปทางใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการพักผ่อน เพราะมีอากาศบริสุทธิ์และมีธรรมชาติอันสวยงามเขียวชอุ่มไปทั่ว เป็นที่น่าพิศวงยิ่งนักตามเส้นทางท่านจะได้พบกับวิถีชีวิตและความเป็นเอกลักษณ์อันแท้จริงของบรรดาชนกลุ่มน้อยในลาวโดยเฉพาะหมู่บ้านลาวเทิง เช่น หมู่บ้านท่าแป้น, บ้านตาดและบ้านอู้ ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวหลวงพระบางดั้งเดิมซึ่งยังคงรักษาการดำรงชีวิตแบบลาวๆ เกือบหมดทุกอย่างและท่านจะได้พบกับการดำข้าวด้วยพลังงานของกระแสน้ำ
ตบท้ายด้วย ตลาดมืด ถนนข้าวเหนียว ยามค่ำคืน บริเวณถนนศรีสว่างวงศ์จะถูกปิด แล้วถูกแปรสภาพกลายเป็น ตลาดมืด ไม่ใช่ขายของผิดกฏหมาย แต่ขายของพื้นเมือง มีหลากหลายให้เราเลือกซื้อ ทั้งกระเป๋า ผ้าพันคอ ปลอกหมอน จนถึงผ้าปูที่นอน สร้อย แหวน กำไล หรือ ธูปหอม ฯลฯ ....น่าซื้อไปเสียหมด ส่วนราคาก็ต้องต่อรองเอาเอง แนะนำว่า ควรสอบถามราคา หลายๆร้าน บางร้านอยู่ไกลหน่อย ราคาก็ถูกลง ถนนนี้ มีคำพูดเล่นๆ ว่า เมืองไทยมี ถนนข้าวสาร ถนนนี้ เป็น พี่น้องกัน ชื่อ ถนนข้าวเหนียว
ทั้งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวและวัดสำคัญที่เข้าชม จะต้องซื้อบัตรเพื่อบำรุงสถานที่ทุกๆ แห่ง สถานที่ละ 20,000 กีบเท่ากัน หรือราว 74 บาท
การเดินทาง
ปัจจุบันการจะเดินทางไป หลวงพระบาง นั้นแสนจะสะดวก ทั้งทางบกและทางน้ำ ทั้งด้านหนองคาย น่าน และทางเรือจากเชียงของเชียงราย ตามลำน้ำโขง เส้นทางสายการบินหลายสายและแอร์ลาว รวมทั้งที่พักระดับธรรมดาไปจนถึงสี่ดาว เพื่อพักผ่อนในเมืองสงบที่มีมีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียล ซึ่งยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
ทั้งนี้ พี่น้องชาวไทยทุกท่านสามารถเข้าเมืองหลวงพระบางโดยไม่ต้องเสียค่าวีซ่า แถมเงินบาทไทยยังสามารถใช้ได้ทั่วทุกท้องถิ่นในหลวงพระบาง ทางคมนาคมก็สะดวก แหม ช่วงนี้ถ้าใครอยากเที่ยวต่างประเทศแบบใกล้ๆ แถมยังสบายกระเป๋า หลวงพระบาง ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ใช่ไหมล่ะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
chaingmaicoffee.com