Social :



ผบ.ตร.แถลงผลการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ดูไบ-กัมพูชา 364 คนกลับปท.

16 ธ.ค. 64 17:12
ผบ.ตร.แถลงผลการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ดูไบ-กัมพูชา 364 คนกลับปท.

ผบ.ตร.แถลงผลการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ดูไบ-กัมพูชา 364 คนกลับปท.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการพิเศษสืบสวน ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมาย พนักงานฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ดร.ตรีเทพ นพคุณ รองผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศกรมการกงสุล นายรัชพล มณีเหล็ก ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ นางภิญญา จำรูญศาสน์ ผู้อำนวยการกองต่อต้านคดีมนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกันแถลงสรุปผลการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในต่างประเทศ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ในรอบปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา ตำรวจศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมงสํานักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร. ) รับการร้องขอความช่วยเหลือผ่านทางสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียว่ามีคนไทยถูกหลอกลวงและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในต่างประเทศและได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการไทยและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องจนสามารถเข้าให้ความช่วยเหลือคนไทยดังกล่าว และเดินทางกลับประเทศไทยตามที่ทราบแล้วนั้น และตามนโยบายของรัฐบาลสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือเหยื่อคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งขยายผลถึงเครือข่ายผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการตัดวงจรการกระทำผิดของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ที่ได้ใช้โอกาสที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 หลอกลวงคนไทยไปบังคับใช้แรงงานและค้าประเวณีในต่างประเทศ ซึ่งการกระทําในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปในสังคมในวงกว้าง

ทั้งนี้ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดำเนินการประสานงานหน่วยงานและส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กองต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กรมการกงสุล กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยรวมทั้งความร่วมมือจากภาคเอกชน เช่น NGO ต่างๆ ที่ช่วยให้ข้อมูลของคนไทยที่ร้องขอความช่วยเหลือจนสามารถช่วยเหลือคนไทยซึ่งถูกหลอกลวงกลับมาได้อย่างปลอดภัยจำนวน 364 คน แบ่งเป็นการช่วยเหลือจากประเทศกัมพูชาจำนวน 361 คน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำนวน 3 คน นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีกับผู้กระทําความผิดในกรณีดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก โดยมีการออกหมายจับผู้กระทำผิดที่หลอกลวงคนไทยไปบังคับใช้แรงงานในกัมพูชาได้ทั้งสิ้น 32 รายจับกุมแล้ว 15 ราย คงเหลือ 17 ราย และออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนไทยไปค้าประเวณีที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ทั้งสิ้น 25 ราย จับกุมแล้ว 6 ราย คงเหลือ 19 ราย

กรณีผู้เสียหายจากกัมพูชานั้น เป็นกรณีที่ผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงจากข้อมูลการรับสมัครงานทางโซเชียลมีเดียเหมือนปกติทั่วไปตั้งแต่งานรับจ้างทั่วไปจนถึงงานในคาสิโนโดยมีการใช้ตัวเลขรายได้ที่สูงมาล่อใจ เพื่อให้ผู้เสียหายมีความสนใจสมัครไปทำงานดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วได้มีการนำพาผู้เสียหายข้ามชายแดนโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติ และมีการยึดหนังสือเดินทางและบังคับให้ทำงานที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงให้คนไทยลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง หรือคอลเซ็นเตอร์สร้างความเสียหายมูลค่าหลายล้านบาท หากใครไม่ยอมทํางานดังกล่าวก็จะถูกบังคับทุบตีทำร้ายร่างกาย กักขัง และอดอาหารจะต้องหาทางร้องขอความช่วยเหลือจากทางการไทยเพื่อช่วยเหลือกลับประเทศไทย
Lif

ส่วนกรณีผู้เสียหายจากดูไบเป็นกรณีที่ผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงในลักษณะใกล้เคียงกันคือเป็นการรับสมัครงานในลักษณะนวดไทยในเมืองดูไบ และมีการใช้ตัวเลขค่าตอบแทนที่สูง รวมทั้งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพื่อให้เหยื่อมีความสนใจ และยินยอมที่จะเดินทางไปทำงานยังปลายทางในต่างประเทศ แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่างานไม่ตรงกับที่ได้รับแจ้งในโอกาสแรก และถูกบังคับให้ค้าประเวณีในสถานที่ที่ถูกตั้งเป็นร้านนวดบังหน้า บางครั้งอาจจะถูกขายต่อไปยังเมืองห่างไกลและต้องถูกบังคับค้าประเวณีโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างแต่อย่างใด การติดต่อหาความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ก็เป็นเรื่องยากทําให้ต้องหาความช่วยเหลือผ่านทางญาติที่เมืองไทยจนสามารถประสานงานหน่วยงานไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือกลับประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ที่แถลงอยากให้เห็นว่าอย่างน้อยผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือแล้ว การดำเนินคดีก็เร่งรัดเต็มที่ ทั้งนี้จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากกระบวนการค้ามนุษย์ทุกราย เราไม่ได้สนใจว่าเขาจะไปถูกหรือผิด เรามองเขาเป็นเหยื่อ และฝากไปถึงคนที่คิดจะอยากไป อยากให้ตรวจสอบให้ดีก่อน มีหน่วยงานราชการมากมายให้ตรวจสอบข้อมูลได้ อย่างไรก็ตามการให้ความรู้และการป้องกันเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ฝากว่าไม่มีอาชีพอะไรที่ได้เงินง่ายและเร็ว ก่อนจะไปคิดให้ดี

ผู้สื่อถามถึงการจับกุมในช่วงที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า การดำเนินคดีรอบ 2 เดือน ตัวเลขขยับขึ้นสูงกว่าเดิมมาก สิ่งสำคัญเราอาจจะถูกเข้าใจว่าการสอบสวนไม่มีคุณภาพ แปลว่าอะไร ตำรวจจับมาแล้วพอถึงชั้นสูงขึ้นไปสั่งไม่ฟ้องบ้าง ไม่ลงโทษฯลฯ ซึ่งเป็นบทเรียนของเรา สำนักงานแห่งชาติชัดเจนเรื่องนี้ได้สั่งการไปทุกหน่วยแล้วว่าการจะสอบสวนดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ จะต้องดำเนินการตามที่ศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรีออกหนังสือแจ้งให้ทราบและจะต้องได้รับความเห็นชอบก่อน เว้นแต่เหตุจำเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้จะเน้นคุณภาพ ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเมื่อไปถึงศาลจะต้องชนะ ส่วนปริมาณก็ต้องทำด้วย ทั้งนี้รอบ 2 เดือนที่ผ่านมาได้อบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติโดยนำบทเรียนที่ผ่านมามาสอนเจ้าหน้าที่ สิ่งสำคัญที่สุดคือการประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องซึ่งทำงานไปด้วยกัน ประเทศเราไม่ได้สนับสนุนเรื่องพวกนี้ ถ้ามีเจ้าหน้าที่คนไหนที่เกี่ยวข้องเราไม่มีละเว้นดำเนินคดีทุกราย ขอให้มั่นใจว่าเราทำจริง เพราะเป็นผลกระทบต่อประเทศชาติโดยรวม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติฝากถึงประชาชนทราบถึงพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปใช้ความระมัดระวังในการหางานผ่านสังคมออนไลน์ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อขบวนการข้ามชาติเหล่านี้ นอกจากนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมงสํานักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร. ) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/antihumantraffickingpolice เพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทําผิดต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้นทางตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศทั้งจากดูไบและกัมพูชา ได้นำกระเช้า และช่อดอกไม้ มามอบให้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้ฝากเตือนประชาชนที่คิดจะไปทำงานที่ต่างประเทศให้ติดต่อผ่านทางหน่วยงานราชการหรือสอบถามจากกรมแรงงานให้ไปอย่างถูกกฎมายดีกว่า หากหลงเชื่อไปจากคำชักชวนคิดจะไปขุดทองที่ต่างประเทศ อาจไม่ได้กินฟรีอยู่ฟรีแบบหรูหราอย่างคำโฆษณา อาจจะไม่มีอิสระภาพ ต้องทำงานวันละ 20 ชั่วโมง หรืออาจถูกบังคับ ทำร้ายร่างกายได้

ขอบคุณที่มา     ข่าวมติชน

โพสต์โดย : ปลายน้ำ