รองโฆษก ตร. สรุปเหตุจลาจลเรือนจำจ.กระบี่ ตั้งคณะทำงานดำเนินคดี 31 แกนนำนักโทษ

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการเกิดเหตุจลาจลที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ ว่า

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (16 ธันวาคม 64) โดยกลุ่มนักโทษได้ออกมาเรียกร้อง ให้ทางเรือนจำจังหวัดกระบี่ ทำการตรวจคัดกรองและคัดแยกผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ออกไป ซึ่งเหตุการณ์เหมือนจะลุกลามบานปลายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมถึงหน่วยร่วมปฏิบัติต่างๆ ได้เข้าเจรจาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ จากนั้นได้มีการคัดกรองและเคลื่อนย้ายนักโทษที่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนหนึ่งไปทำการรักษายังโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลกระบี่ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รับทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) ให้ประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรมราชทัณฑ์ หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานปกครอง หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยร่วมปฏิบัติอื่นๆ ในการตรวจคัดกรอง และเคลื่อนย้ายนักโทษ รวมถึงสนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์ต่างๆ โดยนายอายุตม์ สันธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางมายังเรือนจำจังหวัดกระบี่เพื่อควบคุมการปฏิบัติด้วยตนเอง

ต่อมาวันนี้ (17 ธันวาคม) ทางหน่วยร่วมปฏิบัติได้เริ่มทำการตรวจคัดกรองตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็น และเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. กลุ่มนักโทษได้รวมตัวกันส่งเสียงดัง และได้วางเพลิงโรงนอน ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำเพื่อควบคุมไม่ให้ไฟลุกลาม แต่ไม่สามารถควบคุมไว้ได้ จึงทำให้โรงนอนถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ได้เข้าปฏิบัติการและสามารถควบคุมสถานการณ์ รวมถึงควบคุมตัวนักโทษไว้ได้ ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมแกนนำนักโทษที่ก่อเหตุจำนวน 31 ราย ไปยัง สภ.เมืองกระบี่ เพื่อเตรียมจะเคลื่อนย้ายตัวไปยังเรือนจำอื่นที่มีความมั่นคงสูง ส่วนนักโทษที่ไม่เกี่ยวข้อง จะเคลื่อนย้ายไปควบคุมตัวยังเรือนจำข้างเคียงเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประเมินความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง โดยในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้ได้รับบาดเล็กน้อย และในส่วนของผู้ที่ก่อเหตุทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จะมีการจัดตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้นเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณที่มา    ข่าวมติชน