เมียหมอลำ รุดแจ้งความ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินสูญกว่า 2 ล้าน

โดย น.ส.อนงค์นุช หรือซ้อนุช เล่าว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรเข้ามือถืออ้างว่าเป็นพนักงาน DHL สาขาเชียงใหม่ บอกว่ามีพัสดุจะส่งไปประเทศจีนถูกตีกลับ ในกล่องพัสดุมีหนังสือเดินทาง 14 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ ซุกซ่อนไว้ในเสื้อผ้า 8 ชุด พนักงาน DHL ซึ่งก็คือแก๊งคอลเซ็นเตอร์แนะนำว่าต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ใน สภ.ที่เกิดเหตุ ซึ่งก็คือ สภ.เชียงใหม่ ซึ่งตนไม่สามารถเดินทางไปได้

ทางพนักงานจึงได้โอนสายไปที่ สภ.ที่เกิดเหตุ จากนั้นมีผู้ชายอ้างว่าเป็นตำรวจมาคุยด้วย ทางปลายสายได้ถามตนว่าได้ทำออนไลน์มั้ย ซึ่งตนทำธุรกิจออนไลน์อยู่ด้วย ก็บอกว่ามี จากนั้นปลายสายบอกว่าขอตรวจสอบก่อน จากนั้นก็บอกว่าตนมีส่วนพัวพันกับนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีฟอกเงิน ซึ่งตนได้ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยคนร้ายพูดโน้มน้าวให้ตนหลงเชื่อ แต่ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ฝ่ายนั้นถามว่าตนมีบัญชีกี่บัญชี ต้องมีการโอนเงินให้ตรวจสอบ ซึ่งทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครเพราะเป็นความลับ เกรงว่าหากคนรู้เยอะการดำเนินการก็จะล่าช้า

และต้องโอนเงินไปตรวจสอบกับ ปปง. หากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะโอนเงินกลับคืนมาภายในเวลา 2 ชั่วโมง ด้วยความบริสุทธิ์ใจจึงโอนเงินให้ไป 6 ครั้ง ช่วงเวลา 14.37-15.44 น. ครั้งแรกโอนไป 1,027,000 บาท ครั้งที่ 2 โอนไป 193,000 บาท ครั้งที่ 3 โอนไป 494,000 บาท ครั้งที่ 4 โอนไป 224,001 บาท โดย 4 ครั้งแรกเป็นธนาคารทหารไทยธนชาต ชื่อบัญชี น.ส.ศุภาวรรณ หงษา

ครั้งที่ 5 โอนไป 100,000 บาท ที่ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายณัฐพนธ์ พุดสาดแสง และครั้งที่ 6 โอนไป 50,000 บาท ที่ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.พรรัตน์ วงละคร รวมเป็นเงิน 2,088,001 บาท ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พูดคุยกันปลายสายจะไม่เปิดโอกาสให้วางสาย หรือไปคุยกับคนอื่นเลย อ้างว่าเป็นการสืบสวนทางลับ แต่ก็เอะใจอยู่ว่าทำไมเป็นชื่อบัญชีบุคคล แต่ตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย อย่างไรก็ต้องได้เงินกลับคืนมา

แต่หลังจากที่โอนเงินเสร็จแล้วอยู่ๆ สายก็ตัดไป จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้และถูกบล็อกเบอร์ จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกแล้ว เมื่อตั้งสติได้จึงได้บอกเรื่องนี้กับสามี และเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นได้ติดต่อธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีปลายทางแล้ว แต่ต้องรอหนังสือจากทางเจ้าหน้าที่ส่งไปที่ธนาคารเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน สิ่งที่อยากจะบอกกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้ก็คือขอเงินเราคืนเถอะ เพราะเป็นเงินเก็บมาทั้งชีวิต

ด้านนายยมนิล นามวงษา หรือหนุ่มโจ ผู้ก่อตั้งคณะหมอลำสาวน้อยเพชรบ้านแพง กล่าวว่า วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางคณะเราดีใจกับยอดวิวในยูทูบของศิลปินในสังกัดที่ร้องเพลงแล้วมีคนเข้ามาดูล้นหลามจนยอดวิวทะลุ 2 ล้านวิว แต่กลับต้องมาเสียเงิน 2 ล้านกว่าบาทโดยไม่คาดคิด และไม่รู้เรื่องว่าภรรยาจะถูกแก๊งมิจฉาชีพหว่านล้อมและหลอกให้โอนเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งเงินส่วนนี้ตนวางแผนจะเอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อดินมาถมที่และสร้างกำแพงสถานที่ฝึกซ้อมการแสดงของคณะสาวน้อยเพชรบ้านแพง พร้อมทั้งปรับปรุงห้องพักให้นักแสดงในคณะอยู่อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ หลังจากทราบเรื่องนี้ตนตกใจมากจนตัวสั่น ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว และไม่คิดว่าภรรยาของตนจะโดนแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน เรื่องนี้ไม่โทษภรรยา แต่จะถือเป็นบทเรียน ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือให้กำลังใจกันและกัน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบจับกุมแก๊งมิจฉาชีพมาดำเนินคดีเป็นการด่วน เพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนคนอื่นต่อได้