Social :



มากประสบการณ์! พปชร.ประชุมใหญ่ โหวต “สันติ” นั่งเลขาธิการพรรค

04 เม.ย. 65 06:04
มากประสบการณ์! พปชร.ประชุมใหญ่ โหวต “สันติ” นั่งเลขาธิการพรรค

มากประสบการณ์! พปชร.ประชุมใหญ่ โหวต “สันติ” นั่งเลขาธิการพรรค

พปชร.ประชุมใหญ่ โหวต “สันติ” นั่งเลขาธิการพรรคเปิดตัว 4 กก.บห.มากประสบการณ์ นำสู่สถาบันการเมือง
 



พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2565 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค เป็นประธาน พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกพรรคแต่ละจังหวัดทั่วประเทศที่เข้าร่วมประชุมมากกว่า 500 คน โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค รับหน้าที่ดำเนินการประชุม พร้อมแจ้งวาระการประชุมอย่างเป็นทางการ

 

โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุม 4 วาระด้วยกัน โดยมีวาระที่สำคัญในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 6 ตำแหน่ง เนื่องจากคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 6 คนได้พ้นจากตำแหน่ง และขอลาออก ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ ข้อ 14 ต้องดำเนินการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง ต้องดำเนินการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ขึ้นมาทดแทน เพื่อแทนตำแหน่งที่วางลง

 


สำหรับการประชุมได้มีการเสนอและโหวต ชื่อนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรองหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้เสนอ และไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นเพิ่มเติม

 

ตำแหน่งนายทะเบียนสมาชิกพรรค ได้เสนอชื่อและโหวตนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้เสนอ

 

ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค 4 ตำแหน่ง ที่ประชุมเสนอ และ โหวต 4 รายชื่อ กรรมการบริหารคนที่ 1 พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาค 2 กรรมการบริหารคนที่ 2 นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารคนที่ 3 พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และ กรรมการบริหารคนที่ 4 นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหา ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ต้องมีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 49 กำหนดให้การพิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคการเมือง โดยให้ดำเนินการจัดให้มีคณะกรรมการสรรหา ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรคจำนวน 5 คน และ หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง จำนวน 4 สาขา และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จำนวน 2 คน

 

โดยรายชื่อกรรมการบริหารพรรค ที่ประชุมได้เสนอ และโหวต 1.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค 2.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค 3.พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาค2 4.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ 5.นายรงค์ บุญสวยขวัญ สส.นครศรีธรรมราช

 

ในส่วนรายชื่อหัวหน้าสาขา พรรคการเมือง ประกอบด้วย 1. หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ 2.หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองภาคกลาง จ.สิงห์บุรี 3.หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองภาคใต้ จ.นราธิวาส 4. หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ร้อยเอ็ด

 

ส่วนตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จำนวน 2 คน ประกอบด้วย 1. ตัวแทนประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ เขตที่ 3 2.ตัวแทนประจำจังหวัดนครราชสีมา เขต 4

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบคำสั่งหัวหน้าพรรค เพื่อแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการพรรค โดยให้นายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นรองหัวหน้าพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นรองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นรองหัวหน้าพรรค และ นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นผู้อำนวยการพรรค ในครั้งนี้ด้วย

 

สำหรับบรรยากาศการประชุมครั้งนี้ เป็นด้วยความราบรื่น และได้รับความร่วมมือจากสมาชิกทุกฝ่าย ในการลงคะแนน เพื่อการบริหารงานของพรรค ขับเคลื่อนต่อไปอย่างเข้มแข็ง พร้อมก้าวไปสู่การเป็นสถาบันการเมือง เพื่อนำนโยบายของพรรคมาสู่การปฎิบัติการ ช่วยเหลือประชาชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

 

“สันติ” ตั้งเป้าเลือกตั้งสมัยหน้าได้ส.ส. 150 ที่นั่ง ระบุกระแสแลนด์สไลด์บางพรรคเป็นเพียงความฝัน
 

นายสันติ
MulticollaC
พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้พรรคได้ประชุมใหญ่ในเรื่องของผลงานและสิ่งที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ ได้ทำมาตลอด 3 ปีเศษ โดยได้แถลงให้สมาชิกพรรครวมถึงพี่น้องประชาชนได้ทราบว่า เราได้ผลักดันโครงการ นโยบาย ที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

 

ส่วนเรื่องกิจกรรมพรรคก็ได้มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง 4 ตำแหน่ง และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.รวมถึงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่สมาชิกก็ได้ไว้วางใจให้ตนได้รับหน้าที่นี้ โดยกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ได้ ก็มีบุคคลในทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ทหาร ธุรกิจ เข้ามาร่วมงานกัน ส่วนการตั้งอดีตนายทหารเข้ามาเป็นกรรมการบริหาร 2 คนนั้น ทหารก็ถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่ง มีประสบการณ์อละความรู้โดยเฉพาะด้านความมั่นคง

 

นายสันติ กล่าวต่อว่า ตนอยู่ในวงการการเมืองมากกว่า 20 ปี รู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการให้ฝ่ายบริหารเข้าไปแก้ไขปัญหา ซึ่งหัวหน้าพรรคก็ได้วางแนวทางยุทธศาสตร์และนโยบายไว้กว้าง ๆ เพื่อให้ณะกรรมการบริหารของพรรคร่วมกันประชุม และกระจายงานไปยัง ส.ส.รวมถึงสมาชิกในแต่ละภูมิภาค ให้ลงไปดูว่าพี่น้องประชาชนมีความเดือดร้อนอะไร ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐเข้าไปสนับสนุน

 

“ผมในฐานะเลขาพรรคคนใหม่อยากจะเชิญชวนทุกภาคส่วนในพรรคลงไปดูปัญหาของประชาชน ซึ่งหัวหน้าพรรคยังได้มีดำริแนวคิดที่จะพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่ ในการเพิ่มศักยภาพเมื่อจบการศึกษา และเข้าสู่การแข่งขันในการประกอบอาชีพ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นโจทย์ การดูแลเยาวชนถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก ที่เพราะถือเป็นกำลังสำคัญของชาติ สำคัญต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศ


 

นอกจากนี้เราจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนพัฒนารายได้ต่างๆ ในวงการอุตสาหกรรมของแต่ละภูมิภาค ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีมีงานทำ” นายสันติ กล่าว



นายสันติ ยังกล่าวถึง เป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยหัวหน้าพรรคให้โจทย์ว่า ต้องให้ประชาชนสนับสนุนเรา 150 ที่นั่ง สิ่งแรกคือ ประชาชนมั่นใจว่า เราจะเป็นที่พึ่งพาให้กับพวกเขาได้ ตนมีความตั้งใจพัฒนาพรรคให้ขับเคลื่อนไปได้โดยไม่มีรอยต่อ ไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะขาดตนหรือกรรมการบริหารพรรคท่านใด ก็จะไม่มีปัญหาในการดูแลประชาชน

 

จากนี้จะมีการเสวนา สัมมนากับสมาชิกทั้ง 400 เขตเป็นประจำ รวมไปถึงหัวหน้าภาคทั้ง 10 ภาค เพื่อให้เขาสามารถนำนโยบายของพรรคไปสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ได้ ตนมั่นใจว่า ประชาชนจะให้ความสำคัญกับพรรคพลังประชารัฐแน่นอน เพราะคำว่าแลนด์สไลด์เป็นแค่คำขวัญคำหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่วำคัญอยู่ที่ การกระทำเราจะพัฒนาพรรคให้เป็นที่มุ่ง ที่หวัง ของพี่น้องประชาชน

 

ทั้งนี้มั่นใจในพรรคพลังประชารัฐ ส่วนเรื่องการสไลด์ เป็นแค่ความฝัน เป็นแค่คำพูด ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่การกระทำ

 

เมื่อถามว่าการเป็นเลขาธิการพรรค ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจะเล็กเกินไปหรือไม่ นายสันติ ระบุว่า กระทรวงการคลังเป็นกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวจ้องกับทุกกระทรวง เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน ถ้าเรามีความตั้งใจจะเพิ่มความสามารถธุรกิจการลงทุน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน ก็สามารถประสานให้นโยบายของพรรคพลังประชารัฐขับเคลื่อนไปได้

 

ส่วนกรณีที่พล.อ.ประวิตรพูดถึงการเป็นครอบครัวพลังประชารัฐ จนมีการนำไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่นนั้น เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นครอบครัวใหญ่ ตนคงไม่สนใจพรรคอื่น สนใจแต่พรรคพลังประชารัฐที่ตนสังกัดอยู่ และจะพัฒนาพรรคให้เป็นที่มุ่งที่หวังของประชาชน

 

นายสันติได้กล่าวขอบคุณว่าต้องขอขอบคุณท่านสมาชิกของพรรคทุกท่านทั่วประเทศ ทุกสาขาของพรรค กรรมการบริหาร หัวหน้าพรรค ที่ได้ให้ความไว้วางใจ รวมถึงสมาชิกทุกท่าน ในการที่ตนจะมาเป็นแม่บ้านของพรรคพลังประชารัฐ ขอบคุณทุกท่านที่ทุ่มเทให้พรรคมีความเข้มแข็ง เป็นที่พึ่ง ที่หวัง และ พรรคพลังประชารัฐจะพัฒนาคุณภาพชีวิต เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของพี่น้องประชาชน

 

ทั้งเรื่องธุรกิจ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะเยาวชนให้มีศักยภาพให้ทันกระแสโลก และ เทคโนโลยีที่กำลังรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านระบบเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สุขภาพอนามัยต่างๆ และจะทำหน้าที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สามารถทำงานบริหารประเทศเพื่อพี่น้องประชานอย่างเต็มประสิทธิภาพ จะเป็นทั้งพลังกำลังใจ พลังความรู้ให้บริหารประเทศดูแลพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดี เจริญก้าวหน้าในทุกด้านต่อไป

 

หลังจากประชุมวันนี้แล้ว ตนในฐานะเลขาธิการพรรคใหม่ จะเชิญผู้บริหารมาประชุม และ เชิญหัวหน้าภาคทุก 10 ภาคของพรรคพลังประชารัฐให้แต่ละทีมลงไปในพื้นที่ ไปดูปัญหาของประชาชนที่ต้องพัฒนา นี่คือฐานรากที่เราจะลงไปดูทั้งประเทศ

 

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคมีดำริว่าจะพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่ ว่าเราจะเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ให้คิดเป็น สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ของเลขาฯที่จะลงไปเชื่อมต่อ ดูแลเยาวชน เพราะเยาวชนเหล่านี้มีความสำคัญต่ออนาคตของชาติ ต่อเศรษฐกิจของชาติในการพัฒนาประเทศอย่างยิ่งยวด

 

ยังมีแนวคิดพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ภาคนักลงทุน จะให้ความช่วยเหลือดูแลว่าเราจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนการพัฒนาในด้านต่างๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรม พัฒนาภูมิภาคต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีมีงานทำ และ อุตสาหกรรมอะไรที่สร้างงานสร้างอาชีพสิ่งเหล่านี้พรรคจะลงไปดู

 

และหลังจากนี้จะมีการจัดสัมมนากับสมาชิกทั้ง 400 เขต อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงหัวหน้าภาคทั้ง 10 ภาค เพื่อจะนำนโยบายของพรรคไปสื่อสารให้ถึงประชาชนในพื้นที่ มั่นจะว่าประชาชนจะให้ความสำคัญกับพรรคพลังประชารัฐ



ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy