นั่งรอตัดผมก็โดนฆ่า! มือปืนฉุนเจ้าของร้านห้ามจอดรถ คว้าปืนยิงลูกค้าดับ

ที่เกิดเหตุพบศพ นายอนุวัช ควรหัตถ์ อายุ 35 ปี เป็นช่างภายในโรงงานแห่งหนึ่ง สาขาอำเภอโชคชัย จ.นครราชสีมา นอนจมกองเลือดอยู่หน้าร้านตัดผมดังกล่าว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว 1 นัด เข้าที่ใบหน้า ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ยิงไปแล้ว 1 นัด ส่วนอีกนัดยังไม่ได้ใช้งาน พร้อมหมอนลูกปืนอีก 1 นัด ตกอยู่ โดยมีภรรยาของผู้เสียชีวิตนั่งร้องให้ด้วยความตกใจ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ออกจากบ้านพักพร้อมกับแฟนมานั่งรอตัดผมอยู่บริเวณหน้าร้านดังกล่าว ต่อมา นายสหรัก โคตรวุฒิ อายุ 22 ปี ขับรถเก๋งฟอร์ด สีดำ มาจอดหน้าร้านตัดผม และลงจากรถเพื่อจะไปซื้อเบียร์ ก่อนเดินไปถามผู้ตายที่กำลังนั่งรอตัดผมอยู่หน้าร้านว่าจอดตรงนี้ได้หรือไม่ ผู้ตายก็ตอบว่า จอดได้แต่ระวังรถจะเฉี่ยวชนนะเพราะเป็นทางแยกและแคบด้วย จากนั้น นายสหรัก จึงเดินไปซื้อเบียร์มานั่งดื่มบริเวณหน้าร้านตัดผม

สักพัก เจ้าของร้านตัดผมออกมาบอกให้ นายสหรัก เอารถไปจอดฝั่งตรงข้ามเพราะจอดตรงนี้จะกีดขวางการจราจร เพราะถนน 2 เลนและแคบ เป็นทางแยกและรถออกจากซอยมาเลี้ยวลำบากอาจเกิดการเฉี่ยวชนได้ จากนั้น นายสหรัก ก็ได้ขับรถเก๋งไปจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว และลงจากรถมาพร้อมด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว เดินเข้ามาจ่อยิงแสกหน้าผู้ตายทันที 1 นัด จนเสียชีวิตคาที่ ก่อนขับรถไปมอบตัวที่ สภ.โชคชัย

จากการสอบถามแฟนสาวของผู้ตาย ระบุว่า ยืนยันว่าแฟนตนไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด รวมถึงไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน และขณะที่ผู้ก่อเหตุเข้ามาถาม แฟนตนก็ตอบด้วยความสุภาพ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุมายิงแฟนตนด้วยสาเหตุใด แต่จากการสอบถามชาวบ้านในระแวกนี้ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายตำรวจ และมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งตนก็ต้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจ สภ.โชคชัยด้วย เพราะแฟนตนไม่ได้ทำผิดอะไรมานั่งรอตัดผมอยู่ดีๆ ก็ถูกฆ่าตาย

ด้าน พ.ต.อ.บุญโปรด ประเสริฐศักดิ์ ผกก.สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากผู้ก่อเหตุมอบตัวแล้วก็ยังไม่ให้การใดๆ อ้างว่าจะรอทนายความก่อน ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพกพาวุธปืนไปในที่หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาจะเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ใครก็ตามเมื่อกระทำผิดกฏหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และตนก็จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอให้ญาติผู้เสียชีวิตไม่ต้องกังวล