Social :



สาวลาวสุดช้ำ มาสมัครงาน ถูกนายจ้างขืนใจ แถมเย้ย 'อิหม่าม' เตรียมไล่พ้นชุมชน

28 ก.ย. 65 18:09
สาวลาวสุดช้ำ มาสมัครงาน ถูกนายจ้างขืนใจ แถมเย้ย 'อิหม่าม' เตรียมไล่พ้นชุมชน

สาวลาวสุดช้ำ มาสมัครงาน ถูกนายจ้างขืนใจ แถมเย้ย 'อิหม่าม' เตรียมไล่พ้นชุมชน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 ก.ย.65 ที่ตลาดพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี และนายบี (นามสมมติ) สองพี่น้องชาว สปป.ลาว เข้ายืนยันสถานที่นัดพบเพื่อสมัครงานร้านข้าวหมกไก่ ก่อน น.ส.เอ จะถูกนายจ้างชาวไทยล่อลวงไปข่มขืนที่บ้านพัก พร้อมข่มขู่จะฆ่าทิ้งหากขัดขืน

นายเอกภพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เอ ถูกชายนายจ้างชาวไทยล่อลวงมานัดพบที่ตลาดแห่งนี้ เพื่อว่าจ้างทำงานที่ร้านข้าวหมกไก่ในช่วงบ่าย ก่อนพาตัวไปข่มขืนที่บ้านพักโดยใช้มีดข่มขู่ พร้อมบอกว่า “มึงเป็นคนลาว แจ้งความกับตำรวจ เขาก็เข้าข้างคนไทยอยู่แล้ว” พร้อมยึดกระเป๋าไปเทเพื่อตรวจสอบ และยึดโทรศัพท์มือถือกับหนังสือเดินทาง และจับถอดเสื้อผ้า ก่อนข่มขืน 2 ครั้ง รอบแรกช่วง 15.00 น.และอีกรอบประมาณ 20.00 น.

ก่อนพี่ชายผู้เสียหายจะทราบเรื่องและไปแจ้งความ แล้วตามหาตัวจนพบ เชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีความช่ำชองและไม่น่าจะทำเป็นครั้งแรก ซึ่งกรณีนี้ ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว ทั้งนี้ยืนยันกับพี่น้องชาวลาวว่า ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าจะชนชาติใด จากนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง และไปยื่นเรื่องคุ้มครองสิทธิ์กับกระทรวงยุติธรรม

นายบี กล่าวว่า น้องสาวตนโพสต์เฟซบุ๊กหางานในกลุ่ม ก่อนพบโพสต์ของผู้ก่อเหตุที่เปิดรับสมัครคนงานร้านข้าวหมกไก่ รายได้เดือนละ 9,000-13,000 บาท หากสนใจให้เริ่มงานได้เลย ก่อนจะส่งเบอร์ติดต่อให้น้องสาวไปสอบถามรายละเอียด จากนั้นน้องสาวก็เดินทางจากพระราม 2 มาที่ตลาดแห่งนี้ แต่เงินค่ารถน้องสาวไม่พอ ตนจึงโทรศัพท์หานายจ้างคนนี้ก่อนเขาเดินทางมารับและจ่ายค่ารถให้ จากนั้นก็พาไปที่บ้านพักและยึดกระเป๋ากับโทรศัพท์ ก่อนลงมือข่มขืน โดยน้องสาวตนก็พยายามต่อสู้แต่ก็ถูกทำร้ายร่างกาย แล้วผู้ก่อเหตุก็นำมีดมาวางขู่ไว้

อย่างไรก็ตาม ปกติเวลาหางานผ่านเฟซบุ๊กพี่สาวตนจะตรวจสอบอย่างละเอียดทุกครั้งว่ามีหน้าร้านจริงหรือไม่ พร้อมโทรศัพท์สอบถามเพื่อยืนยัน โดยผู้ก่อเหตุยังบอกด้วยว่า ไม่ต้องกลัวหรอก และโพสต์รูปร้านเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือด้วย
Lif

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. ที่ชุมชนมัสยิดอีกอม่าตุ้ลอิ้สลาม (โรงกระโจม) นายวัชรินทร์ แสงวิมาน สมาชิกเทศบาล (สท.) พิมลราช เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ผู้ก่อเหตุอยู่ที่ชุมชนนี้จริง แต่ตอนนี้ยังไม่พบ ซึ่งหลักเกณฑ์ศาสนาอิสลาม ถือว่าการข่มขืนเป็นความผิดที่ร้ายแรง รวมถึงความผิดอื่นๆ เช่น การดื่มสุรา ยาเสพติด และผิดประเวณี โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่วากัฟ เหมือนพื้นที่วัดของศาสนาพุทธ ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการต่อจากนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการชุมชน พร้อมเรียกครอบครัวผู้ก่อเหตุมารับฟัง หากมีความผิดจริงจะมีบทลงโทษอย่างเด็ดขาด ทั้งตามหลักกฎหมายและหลักศาสนา สำหรับในไทย จะยกเลิกสัญญาการให้พักอาศัยและเชิญออกจากชุมชนไป แต่หากเป็นประเทศอื่นเช่น ซาอุดิอาระเบีย อิรัก อิหร่าน จะถูกจับฝังดินจนเหลือเพียงหัวและปาหินจนตาย ซึ่งครอบครัวผู้ก่อเหตุต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะขณะเกิดเหตุ บุคคลอื่นจะไม่ทราบเลยได้หรือไม่

นายบุญมี นาทอง อิหม่ามประจำมัสยิด เผิดเผยว่า หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงจะมีบทลงโทษตามศาสนาอิสลาม ผู้ที่ทำผิดหรือบริวารจะไม่สามารถอยู่ในที่ดินแห่งนี้ได้อีก ต้องยกเลิกสัญญาการพักอาศัย ซึ่งจะต้องเรียกสอบสวนบุคคลอื่นในบ้านด้วยเช่นกัน ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เหตุเกิดในบ้านแต่บุคคลอื่นจะไม่ทราบ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุนี้ในชุมชนมาก่อน

ต่อมาเวลา 15.30 น. ทีมงานสายไหมต้องรอด พา น.ส.เอ มายืนยันสถานที่เกิดเหตุที่บ้านพักในชุมชนแห่งนี้ พร้อมพูดคุยกับพ่อของผู้ก่อเหตุซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้าน โดยพ่อของผู้ก่อเหตุ ระบุว่า ลูกชายตัวเองขายข้าวมันไก่โดยเป็นร้านรถเข็น เมื่อวานกลับบ้านมาเขาไม่อยู่บ้านแล้ว ยอมรับว่าไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่เห็นลูกชายรับคนงานมาหลายคน ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ถ้าได้เจอตัวลูกชาย ก็อยากให้เขาได้มาชี้แจง เพราะตนก็ติดต่อเขาไม่ได้ ก็ให้ว่ากันตามถูกผิด เพราะเขาจะไปร่วมหลับนอนกับใครมาตนก็ไม่รู้

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ผู้เสียหายยืนยันว่าบ้านแห่งนี้คือจุดเกิดเหตุจริง โดยในวันที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุพาผู้เสียหายมาที่บ้านหลังนี้และอยู่กันเพียง 2 คนตามลำพังเท่านั้น

ขอบคุณที่มา  ข่าวสด

โพสต์โดย : ปลายน้ำ