อภินิหาร! ‘ช้างป่าอ่างฤาไน’ เดินมาคุกเข่าไหว้พระ ถึงหน้ากุฏิ

หลังจากรับแจ้งจึงเดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าว พบกับพระใบฎีกาวิเชียร ศิริภัทรโท อายุ 77 ปี หัวหน้าปฏิบัติธรรมสิริภัทรโทสีทอง ซึ่งพระใบฎีกาวิเชียร กล่าวว่า ขณะที่กำลังอยู่ในกุฏิช่วงเวลาประมาณเกือบ 20.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ได้ยินเสียงสุนัขเห่าอยู่ที่หน้ากุฏิ จึงเปิดประตูออกมาดู ก็เห็นช้างตัวใหญ่ก้มคุกเข่าอยู่ที่หน้ากุฏิ 3 ครั้ง จากนั้นช้างตัวดังกล่าวค่อยๆลุกขึ้นยืนผงกหัวขึ้นลงแล้วยืนนิ่งพร้อมกับชูวงขึ้นเหนือหัวสะบัดหูไปมาไม่มีท่าทีดุร้าย จากนั้นได้พูดบอกช้างป่าตัวดังกล่าวว่า “ไปเถอะพ่อใหญ่กินอิ่มแล้วก็ไปหาอยู่ในป่า”

จากนั้นช้างป่าตัวดังกล่าวได้ส่งเสียงร้องแล้วเดินจากไปในความมืดหน้ากุฏิ คาดว่าช้างตัวดังกล่าวเป็นช้างป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาอ่างฤาไน ที่ข้ามมาหากินฝั่งบ้านหว้าเอน ต.ศรีมหาโพธิ เป็นพื้นที่ของสำนักปฏิบัติธรรมซึ่งอยู่ห่างจากวัดหว้าเอน 5 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางเดินหากินของช้างหนุ่มที่แตกโขลง ที่ผ่านมาช้างจะมาหากินไม่ห่างจากสำนักปฏิบัติธรรมมากนัก และทราบจากหน่วยกู้ภัยและผู้นำหมู่บ้านว่ามีช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่เกือบทุกคืนสลับกับกับช้างฝูง คาดว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาช้างป่าตัวนี้อาจเดินมาหากินพืชไร่ของญาติโยมในพื้นที่แล้วเดินเข้ามา มองเห็นหน้ากุฏิของหลวงตามีคชกุศสำหรับควาญช้างมีไว้ติดตัวขณะขึ้นนั่งคอช้างจึงเดินมาคุกเข่าไหว้ช้างอาจคิดว่าตนเป็นควาญช้างที่มีของกำกับช้างสมัยเก่า

สำหรับ คชกุศ หรือตะขอช้าง เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีใช้กันในหมู่ผู้ศึกษาพระเวทหรือวิชาอาคม เป็นเครื่องมือเหล่าควาญช้างมีอำนาจในการสะกด และสยบฤทธิ์ต่างๆ เนื่องจากเป็นหนึ่งในเทพวุฒิของพระพิฆเนศ ซึ่งพระใบฎีกาวิเชียร ยืนยันว่า ของสิ่งนี้เป็นของเก่าแก่ที่ล้ำค่าซึ่งได้มาจาก จ.บุรีรัมย์.

ขอบคุณที่มา   ข่าวเดลินิวส