หนีตายระทึก! รุมสหบาทา หนุ่มควงปืนเคลียร์ปัญหารัก หน้าร้านชาบูดัง
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 17 ต.ค. ศูนย์วิทยุร่วมโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทมีเสียงปืนดัง และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย นอนอยู่ริมถนนหน้าร้าน ชาบูอินดี้ สาขาเจริญศรีปาร์ค ถนนศุภกิจจรรยาเทศบาลนครอุดรธานี จึงประสาน ร.ต.อ.วิฆเนศ ซื่อตรง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจไประงับเหตุ พร้อมมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนทางเข้าศูนย์การค้าเจริญศรีปาร์คมีลูกค้าร้านชาบูและประชาชนยืนมุงดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ พบผู้บาดเจ็บทราบชื่อ นายกรวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ชาว จ.อุดรธานี สภาพศีรษะแตกมีร่องรอยฟกช้ำตามลำตัวนอนร้องครวญคราง ข้างตัวพบปืนแก็ปของเล่นสีดำ ลูกโม่สีทอง ด้ามปืนสีน้ำเงิน สภาพแตกหัก และแก็ปเด็กเล่นสีแดง 1 วง เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล
พนักงานร้านชาบู เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าอยู่ภายในร้านประมาณ 6 โต๊ะ อยู่ๆมีเสียงเอะอะโวยวายอยู่หน้าร้านลูกค้าโต๊ะที่อยู่หน้าร้านใกล้ที่เกิดเหตุได้ตะโกนขึ้นมาว่ามีคนทะเลาะกัน มีอาวุธปืน จากนั้นมีเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น 1 นัด แล้วเห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 7 –8 คน รุมทำร้ายผู้บาดเจ็บจนกองอยู่ที่พื้นไม่สามารถโต้ตอบได้ แต่ยังคงมีสติอยู่ ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการก็ต่างวิ่งหลบหนีเอาตัวรอด เพราะกลัวโดนลูกหลงได้รับอันตราย ด้านวัยรุ่นที่รุมทำร้ายผู้บาดเจ็บ
หลังทำร้ายกันจนหนำใจต่างพากันขี่รถจักรยานยนต์แยกย้ายกันหลบหนีไปคนละทิศละทาง
พนักงานร้านชาบู เล่าอีกว่า ทำงานที่ร้านนี้ได้ 1 ปี พบเห็นเด็กวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำเนื่องจากถนนสายนี้มีสถานบริการร้านเหล้าอยู่จำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นการนำปืนเด็กเล่นมายิงข่มขู่กันแบบนี้ ส่วนวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่รุมทำร้ายผู้บาดเจ็บก็เคยเห็นชอบมานั่งจับกลุ่มกันอยู่เจริญศรีปาร์ค ก็คุ้นหน้าบางคนเนื่องจากเป็นไรเดอร์อยู่แถวนี้ด้วย จากการสอบถามวัยรุ่นที่สนิทกับกลุ่มผู้ก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่าผู้บาดเจ็บมีปัญหากับผู้หญิงในกลุ่มน่าจะเป็นปัญหาเรื่องความรัก แล้วเหมือนว่าจะมาเคลียร์ปัญหาหัวใจกัน โดยนำปืนของเล่นมาขู่ กระทั่งมาถูกทำร้ายบาดเจ็บดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบวงจรปิดในร้านไว้เป็นหลักฐานและอยู่ระหว่างรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บ พร้อมรวบรวมหลักฐานติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขอบคุณที่มา ข่าวเดลินิวส์
โพสต์โดย : ปลายน้ำ
