จีทูจีเก๊ 2 หมื่นล้าน ยึดทรัพย์บุญทรงกับพวก เตรียมฟ้องกลับ !
‘ วิษณุ ’ ย้ำ ขรก.ไม่ต้องกลัว ถ้าสุจริต-ไม่เลือกปฏิบัติ
กรณี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จะฟ้องดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการเรียกค่าเสียหายในส่วนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายบุญทรงที่จะฟ้องใครหรือไม่อย่างไร หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถทำได้ ส่วนกระบวนการรับเรื่องและการพิจารณาจะเป็นอย่างไรต้องว่ากันตามกฎหมาย ทราบว่านายบุญทรงได้ทักท้วงในบางประเด็น คือ รัฐบาลใช้มาตรา 44 ไปยึดทรัพย์ ทั้งที่อธิบายหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ ถ้านายบุญทรงเข้าใจผิดต้องช่วยกันอธิบายให้เข้าใจ แต่ถ้าเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นไม่รู้จะว่าอย่างไร โดยมาตรา 44 ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่รัฐในเวลาที่รัฐจะไปยึดทรัพย์เท่านั้น โดยต้องเริ่มต้นว่าผิดหรือไม่ผิด จะต้องใช้กระบวนตามกฎหมายปกติคือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่ใช้มา 3-5 พันราย แต่เมื่อคณะกรรมการทางกฎหมายบอกว่าใครผิดแล้วจะต้องไปยึดทรัพย์ ในกรณีที่มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาทกระทรวงเจ้าทุกข์ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีเวลา ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญในการทำ มาตรา 44 จึงออกมาเพื่อให้การกรมบังคับคดีไปทำหน้าที่นี้ ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีเรื่องที่จะต้องให้ไปยึด แต่เรื่องที่จะยึดเกิดมาจากคณะกรรมการได้วินิจฉัยมาก่อนแล้วและมีคำสั่งทางปกครอง
ประเด็นเรื่อง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การออกคำสั่งทางปกครอง แล้วนำไปสู่การยึดทรัพย์ ก่อนหน้านี้แต่ละกระทรวงประสบปัญหา เพราะแม้ทรัพย์จะมีมูลค่าไม่มาก แต่เวลาไปยึดทำไม่เป็น และยึดได้ยาก จึงมีความพยายามมาก่อนที่ คสช.จะเข้ามา ที่จะให้กรมบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ ซึ่งกรมบังคับคดีท้วงมาตลอดตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะเขาไม่มีอำนาจ จึงอยากให้ออกกฎหมายให้อำนาจมา และทราบว่าสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เตรียมเรื่องให้กรมบังคับคดีตั้งกองบังคับคดีตามคำสั่งทางปกครองเพื่อรับมือ แต่ยังติดอยู่ที่ว่ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ยึด เพราะกฎหมายให้ยึดคำสั่งศาล จึงต้องพับเรื่องดังกล่าวไว้ มาถึงรัฐบาลนี้ จึงใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจเข้าไปทำ ไม่จำเป็นต้องไปตั้งกอง ส่วนข้อทักท้วงที่ระบุว่าคดีอาญายังไม่จบ แต่มีการดำเนินการเตรียมยึดทรัพย์นั้น เป็นคนละเรื่อง และคนละประเด็น
มีข้อสังเกตว่า การใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจในการยึดทรัพย์ก่อนที่จะมีคำสั่งทางปกครอง เหมือนเป็นการตั้งใจออกมารองรับไว้ก่อน นายวิษณุกล่าวว่า จะก่อนหรือหลังไม่แปลก ถึงออกมาก่อนก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอคำสั่ง แต่ที่ออกมาให้อำนาจก่อนเพื่อจะได้เตรียมการ โดยคำสั่งออกมาก่อนที่จะมีการลงนามคำสั่งกรณีจีทูจีไม่กี่สัปดาห์ ส่วนที่มีการถกเถียงโต้แย้งกันว่าใครจะลงนามในการออกคำสั่งกรณีจีทูจี ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร แต่ในกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มีปัญหาอะไร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะรู้ว่ามีการลงนามและจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา จากนี้เป็นเรื่องของกระทรวงที่ต้องส่งคำสั่งไปให้นายบุญทรง กับพวกภายใน 30 วัน ถ้ายังไม่อุทธรณ์ จะมีการเตือนอีก 15 วัน ถ้ายังไม่ดำเนินการอะไร เมื่อครบ 45 วัน นับแต่วันส่งคำสั่งไปให้ กรมบังคับคดีจะเข้าไปยึดทรัพย์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ได้ยึดจากนายบุญทรงกับพวกมาเป็นของใคร แต่ยึดมาเป็นของแผ่นดิน เพราะไม่มีสินบนหรือรางวัลนำจับ ทุกอย่างทำตามหน้าที่
แล้วการที่นายบุญทรงออกมาขู่ฟ้องกลับ จะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเกรงกลัวหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบว่ากลัวหรือไม่ แต่ต้องดำเนินการต่อไป ทุกคนทำตามหน้าที่ เมื่อศาลบอกว่าผิดคือผิด และมาตรา 44 ไม่ได้คุ้มครองทุกคน ทุกสถานการณ์ เพราะมีข้อแม้ว่าต้องทำภายใต้ความสมควรแก่เหตุ สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ ต้องขอบคุณนายพูลเดช กรรณิการ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่แสดงความเป็นห่วงและเตือนมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้อกฎหมายบางเรื่องได้พิจารณามาก่อนที่นายพูนเดชจะยื่นหนังสือแล้ว ไม่ได้บอกว่ามั่นใจอะไร แต่ทุกคนทำไปตามหน้าที่
topicza.com