Social :



ขอประชาชนมีสติ ระมัดระวัง! นายกฯ เร่งแก้ปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์

16 พ.ย. 65 05:11
ขอประชาชนมีสติ ระมัดระวัง! นายกฯ เร่งแก้ปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์

ขอประชาชนมีสติ ระมัดระวัง! นายกฯ เร่งแก้ปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์

นายกฯย้ำรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ขอประชาชนมีสติ ระมัดระวัง
 



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์
ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก”ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ระบุว่า การประชุม ครม.ในวันนี้ (15 พ.ย.65) มุ่งเน้นไปที่ร่างกรอบการเจรจาต่างๆ สำหรับการประชุมผู้นำเอเปคที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งในรูปแบบของพหุภาคีและทวิภาคี ที่ล้วนแล้วแต่จะออกดอกออกผล ต่อยอดให้เกิดการประกอบอาชีพ รายได้ และคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ SME/Startup การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษาวิจัย และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งพี่น้องประชาชนจะสามารถรับทราบข้อมูลและประโยชน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการประชุมเอเปคครั้งนี้ จากข่าวสารประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐต่อจากนี้แน่นอน และผมเองก็จะนำมารายงานให้พี่น้องได้รับรู้ทาง Facebook นี้อย่างต่อเนื่องครับ

นอกจากประเด็นเรื่องเอเปคแล้ว อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของการประชุม ครม. ในวันนี้ คือ นโยบายและความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่กำลังระบาดและเป็นปัญหาในสังคมไทยในปัจจุบัน โดยมีผลการดำเนินงานแบ่งตามประเภทของการกระทำความผิดได้ดังนี้

1. แก๊ง Call Center : ได้รับแจ้งความ 7,629 คดี รวมความเสียหาย 1.8 พันล้านบาท สามารถปิดกั้นการส่ง SMS 33,216 ครั้ง และระงับเบอร์โทรแก๊งมิจฉาชีพ 42,929 หมายเลข รวมทั้งจับกุมผู้กระทำผิดได้ 166 ราย

2. บัญชีม้า : ทำการอายัดบัญชี 40,198 บัญชี และเตรียมอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการทำความผิดอีก 4,375 ล้านบาท (อายัดแล้ว 305.4 ล้านบาท) รวมทั้งปิดกลุ่ม Facebook ซื้อขายบัญชีม้าอีก 6 กลุ่ม


3. การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์ และการหลอกลวงทางการเงิน : ได้รับการร้องเรียน/แจ้งความ 57,833 คดี รวมความเสียหาย 1.1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันสามารถดำเนินคดีแล้ว 653 คดี มีผู้ต้องหา 747 ราย

4. การพนันออนไลน์ : ดำเนินการปิดกั้น 1,507 เว็บไซต์ พร้อมดำเนินคดีแล้ว 312 คดี มีผู้ต้องหา 403 ราย ซึ่งสร้างความเสียหาย 625 ล้านบาท

5. การหลอกลวงซื้อขายสินค้า/บริการออนไลน์ : จากการแจ้งความ
MulticollaC
42,638 คดี ก่อความเสียหาย 510 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถดำเนินคดีแล้ว 469 คดี มีผู้ต้องหา 490 ราย

ครอบคลุมคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ ได้แก่ คดี Forex-3D ที่มีผู้เสียหายเกือบหมื่นราย สร้างความเสียหายราว 2,500 ล้านบาท และคดีฟาร์มเห็ด ที่มีผู้เสียหายกว่า 2,700 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดครับ

อย่างไรก็ตาม แนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้ มิได้เน้นเพียงการจับกุม ที่เป็นปลายเหตุ แต่ต้องป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ ดังนี้
1. บูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ องค์กรอิสระ เช่น ธปท. ก.ล.ต. ปปง. และ กสทช. ตลอดจนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาอย่างครบวงจร โดยมีเป้าหมายคือการถอนรากถอนโคนและทำลายเครือข่ายอาชญากรรมต่างๆ



2. เร่งรัดการแก้ไข/ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย และบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายประการด้วยกัน เช่น
(1) ออก พ.ร.ก.เพื่อยับยั้งบัญชีม้าและธุรกรรมต้องสงสัย
(2) แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา และวิอาญา เพื่อให้การดำเนินคดีสอดรับกับรูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(3) ขยายผลประกาศกระทรวงดิจิทัลฯ เรื่องขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ (มีผลบังคับใช้ 25 ธ.ค.65)
(4) ยกร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดลักษณะกิจการ หรือหน่วยงาน ที่ยกเว้นมิให้นำ PDPA มาใช้บังคับ ซึ่งครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว

3. การเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ดังกล่าว โดย
(1) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ที่เชื่อมโยงกันและแลกเปลี่ยน/ตรวจสอบข้อมูลข้ามหน่วยงานได้ และ Social listening/monitoring
(2) การเพิ่มเติมทรัพยากรให้หน่วยปฏิบัติ ทั้งบุคลากร เครื่องมือ และงบประมาณ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการหลอกลวงและกลโกงต่างๆ คือ การสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ในตนเองให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีความตระหนักและรู้เท่าทันภัย ที่เป็นด้านมืดของเทคโนโลยีดิจิทัล ดังนั้นพวกเราทุกคน จึงต้องมีสติ รู้เท่าทัน รวมถึงช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส และติดตามข่าวสาร การแจ้งเตือนภัยรูปแบบต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและจากสื่อมวลชน ก็จะช่วยป้องกันการเสียหายก่อนที่จะมาถึงตัว และคนในครอบครัวของเรา

 


ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy