ผู้เสียหายเต็นท์รถโกงร้อง ผบ.ตร. โดนตร.ขู่ไม่ให้รถของกลางถูกดำเนินคดี

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พาผู้เสียหาย 2 ราย ที่ถูกขบวนการเต็นท์รถมือสองฉ้อโกงและปลอมแปลงใช้เอกสารปลอม หลอกขายรถยนต์ให้ผู้เสียหายจำนวน 4 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,390,000 บาท เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. หลังได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้กับตำรวจกองปราบปราม แต่คดีไม่มีความคืบหน้า

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายมาร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง กรณีผู้เสียหายได้ซื้อรถจากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง 4 คัน ซึ่งได้จ่ายเงินสดแต่ไม่ได้ใบเล่มรถ จึงมีการแจ้งความกับเจ้าของเต็นท์รถฐานใช้เอกสารปลอมร่วมกันฉ้อโกง แต่ระหว่างนี้ทางกองปราบฯ ได้ประสานให้เก็บรถของกลาง 4 คันไว้ ต่อมาเห็นว่าเรื่องนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก จึงได้ส่งเรื่องให้ สอท. ดำเนินการ แต่ปรากฏว่าได้มีตำรวจ สภ. แห่งหนึ่ง จะมาเอารถของกลางไป 1 คัน แต่ผู้เสียหายให้ไม่ได้ เพราะหากจะมาเอาต้องเป็นตำรวจกองปราบฯ หรือ สอท. มารับไปเท่านั้น แต่ตำรวจก็จะมาเอาให้ได้ทั้งที่ไม่มีหมาย แม้ผู้เสียหายจะแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แต่ยังมีความพยายามจากตำรวจ สภ. ดังกล่าว โดยอ้างว่า เจ้าของรถได้ให้ผู้อื่นเช่าและมีการยักยอกไป จนมาพบรถที่เต็นท์จึงต้องการมาเอารถ แต่เจ้าของรถที่เป็นกรรมสิทธิ์ตัวจริง เป็นธนาคารแห่งหนึ่งที่ติดไฟแนนซ์อยู่ ซึ่งมีการขายดาวน์ให้เต็นท์รถใหญ่ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังและหนีไปแล้ว ต่อมาพบว่าอีกฝ่ายมีการแจ้งความไว้ที่ สน.หลักสอง และตำรวจได้มีหมายเรียกให้ผู้เสียหายขับรถของกลางไปให้ที่ สน.หลักสอง จึงมองว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ อยากให้ ผบ.ตร. ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่คดีนี้ สอท. และกองปราบฯ ดูแลแล้ว แต่ตำรวจโรงพัก ทำไมถึงอยากได้รถของกลาง อ้างจะเอาไปให้เจ้าของรถ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถ ต้องการจะเรียกรถเพื่อเอาไปคืนใคร และตำรวจได้เช็กกรรมสิทธิ์รถก่อนออกหมายหรือไม่ อีกทั้งยังมีการข่มขู่จะดำเนินคดีกับผู้เสียหาย อ้างว่ารับของโจร