Social :



‘ชัยวัฒน์’ ทลายรง.แปรรูปไม้เถื่อน ลอบตัด ‘ประดู่ป่า’สวมเอกสารสิทธิ

10 ธ.ค. 65 18:12
‘ชัยวัฒน์’ ทลายรง.แปรรูปไม้เถื่อน ลอบตัด ‘ประดู่ป่า’สวมเอกสารสิทธิ

‘ชัยวัฒน์’ ทลายรง.แปรรูปไม้เถื่อน ลอบตัด ‘ประดู่ป่า’สวมเอกสารสิทธิ

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 พร้อมด้วย ชุดพญาเสือ และชุดพยัคฆ์ไพร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 สาขาอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ ทหาร ฉก.ที่ 3 ค่ายสุรนารี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.กันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังบุกค้นโรงงานแปรรูปแห่งหนึ่งใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเข้าจับกุมนายเมฆ (นามสมมุติ) แสดงตนเป็นหุ้นส่วนในการประกอบกิจการโรงงานแปรรูปไม้ และ นางแดง (นามสมมุติ) หุ้นส่วนผู้ขออนุญาตจัดตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักร ข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ก่อนนำตัวส่ง สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีทางกฎหมาย


สืบเนื่องจากวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก จับกุมตัวผู้ต้องหาลักลอบตัดไม้ได้ 3 คน ขณะกำลังตัดโค่นไม้ประดู่ป่า ในแปลงสำรวจถือครองสิทธิทำกินของราษฎรเขตป่าอนุรักษ์ พร้อมของกลางรถไถ 1 คัน ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่า รับการว่าจ้างจาก นายบอย ชาว สปป.ลาว โดยบอกว่า มีการซื้อขายไม้กับเจ้าของที่ดินแล้วรวม 3 ต้น แต่จากการสวนขยายผลทราบว่า การตัดไม้ประดู่ดังกล่าวเป็นการนำเอาไปสวมตอกับไม้ประดู่ ที่กลุ่มนายบอย อ้างว่าซื้อไม้ประดู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์ พื้นที่หมู่ 4 ต.ละลาย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และมีหลักฐานถูกต้อง มีผู้ใหญ่บ้าน รับรองเอกสารดังกล่าว พร้อมทั้งภาพถ่ายต้นไม้ ตอไม้ประดู่ อ้างว่าได้ตัดมาจากพื้นที่เอกสารสิทธิ มาเป็นหลักฐาน จึงรอดพ้นการถูกดำเนินคดีมาโดยตลอด


ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 สาขาอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอขุนหาญ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขุนหาญ เจ้าหน้าที่ทหารชุด ลว.ไกล กองกำลังสุรนารี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปทส. สนธิกำลังเข้าจับกุมการลักลอบทำไม้ในพื้นที่ ส.ป.ก.พื้นที่ ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งติดต่อกับพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จับกุมผู้กระทำผิดได้ 10 ราย ของกลางไม้ประดู่ 26 ท่อน ปริมาตร 19.38 ลบ.ม. คิดเป็นมูลค่ากว่า 678,300 บาท และรถยนต์ของกลาง 5 คัน รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิด รวม 28 รายการ


ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นขบวนการลักลอบทำไม้และนำไม้ในที่ ส.ป.ก. มาออกเอกสารเท็จว่า ไม้ที่ลักลอบตัดมาเป็นไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 โดยผู้กระทำผิดบางราย เกี่ยวข้องกับโรงงานไม้ ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ของนายเมฆ และนางแดง รวมถึงผู้กระทำผิดรายหนึ่ง เกี่ยวข้องกับคดีลักลอบทำไม้ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ที่จับดำเนินคดีแล้วเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมาด้วย โดยทั้ง 2 เหตุการณ์ นี้มีลักษณะคล้ายคลึงกัน


กระทั่งวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 พร้อมด้วย ชุดพญาเสือ และชุดพยัคฆ์ไพร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 สาขาอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ ทหาร ฉก.ที่ 3
Lif
ค่ายสุรนารี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.กันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังบุกค้นโรงงานแปรรูปไม้ของนายเมฆ และนางแดง อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยขอความร่วมมือให้ นายเมฆ ร่วมตรวจสอบตอไม้ ตามเอกสารรับรองไม้ฉบับดังกล่าวแต่ไม่ตรงกัน กลับปรากฏว่าพบ ตอไม้ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ตรงกับภาพถ่ายในเอกสารที่ได้รับจาก นายบอย โดยเป็นไม้ประดู่ป่า ความโตประมาณ 200-300 ซม. 3 ตอ จากทั้งหมด 8 ตอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขบวนการมอดไม้นำไม้มีค่า (ประดู่ป่า) มาสวมสิทธิไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ ให้เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานเข้าจับกุมดังกล่าว

กระทั่งวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 พร้อมด้วย ชุดพญาเสือ และชุดพยัคฆ์ไพร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 สาขาอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ ทหาร ฉก.ที่ 3 ค่ายสุรนารี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.กันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังบุกค้นโรงงานแปรรูปไม้ของนายเมฆ และนางแดง อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยขอความร่วมมือให้ นายเมฆ ร่วมตรวจสอบตอไม้ ตามเอกสารรับรองไม้ฉบับดังกล่าวแต่ไม่ตรงกัน กลับปรากฏว่าพบ ตอไม้ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ตรงกับภาพถ่ายในเอกสารที่ได้รับจาก นายบอย โดยเป็นไม้ประดู่ป่า ความโตประมาณ 200-300 ซม. 3 ตอ จากทั้งหมด 8 ตอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขบวนการมอดไม้นำไม้มีค่า (ประดู่ป่า) มาสวมสิทธิไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ ให้เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานเข้าจับกุมดังกล่าว


นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบทราบว่าโรงงานแปรรูปไม้ดังกล่าว มีการลักลอบแปรรูปไม้โดยผิดกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ในการขอตรวจสอบการแปรรูปไม้และกิจการของผู้ได้รับอนุญาต โดยบุคคลทั้งสองยินดีพร้อมอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่าเป็นโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักร โดยผู้ประกอบการได้แสดงใบอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ฯ เพื่อประดิษฐกรรม ซึ่งสิ้นอายุการอนุญาตในปี พ.ศ. 2563 กระทั่งเจ้าหน้าที่กระจายกำลังตรวจสอบบริเวณด้านหลังโรงงาน พบคนงานกำลังแปรรูปไม้ยางพารา และพบไม้ประดู่ป่า ที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ วางกองอยู่รอบโรงงาน อีกทั้งที่ตั้งของตอไม้ที่ตรวจพบ อยู่คนละพื้นที่กับจุดที่ผู้ต้องหาพาไปตรวจสอบดังกล่าว


นายชัยวัฒน์ เผยอีกว่า จากการร่วมกันพิจารณาหลักฐานและข้อมูลดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 73 และ ป.อาญา มาตรา 137 จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมด ประกอบด้วย เครื่องจักร 5 รายการ รถยนต์ 4 คัน ไม้ประดู่แปรรูป 264 แผ่น ปริมาตร 11.008 ลบ.ม. ไม้ประดู่ท่อน 244 ท่อน ปริมาตร 65.952 ลบ.ม. คิดเป็นมูลค่าของไม้ 3,078,880 บาท พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่ง สภ.กันทรลักษ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการลักลอบทำไม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ขอบคุณที่มา   ข่าวเดลินิวส์

โพสต์โดย : ปลายน้ำ