Social :



‘ชูวิทย์’ โพสต์แรงถึง ‘ผบ.ตร.’ ปมทุนจีนเทา กระทบวงกว้างเหมือนขยะใต้พรม

11 ธ.ค. 65 16:12
‘ชูวิทย์’ โพสต์แรงถึง ‘ผบ.ตร.’ ปมทุนจีนเทา กระทบวงกว้างเหมือนขยะใต้พรม

‘ชูวิทย์’ โพสต์แรงถึง ‘ผบ.ตร.’ ปมทุนจีนเทา กระทบวงกว้างเหมือนขยะใต้พรม

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับนายทุนจีน พร้อมกับการตั้งข้อสังเกตการออกคำสั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และการทำงานของตำรวจโดยภาพรวม ระบุว่า เรื่องราว “มาเฟียทุนจีนสีเทา” สะเทือนสังคมไทยอย่างรุนแรงตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาไม่มีแผ่ว กระทบเป็นวงกว้าง เหมือนขยะที่กองสุมอยู่ใต้พรมมานาน เพิ่งจะทราบว่าการจับ “ผับจิงหลิน” มีเบื้องหลังมากมายได้ถึงขนาดนี้ และความเลวร้ายชักช้าทั้งหลายทั้งปวง เกิดจาก “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” เสียเอง

หากทราบเรื่องราวต่อไปนี้ เสมือนประชาชนอย่างกระผม “ถูกตบหน้ากลางสี่แยกปทุมวัน” เรื่องนี้จำเป็นต้องให้สังคมรู้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.” ที่ออกหน้าสื่อแถลงข่าว กวาดล้างทุนจีนสีเทา ตามล้างตามเช็ด ทั้งวีซ่ามั่ว สวมบัตรประชาชน มูลนิธิเก๊ ยึดทรัพย์ อายัดเงินสารพัดอย่าง แท้จริงเป็นเพียง “โฆษก” ออกหน้าเวที แต่ไม่มีอำนาจ เหมือนยักษ์ไม่มีกระบอง

จาก “คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 544/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน” จะรู้ซึ้งว่า อะไรคือ “ปัญหาซ่อนเงื่อน” ที่ทำให้เรื่องราวสลับซับซ้อน เชื่องช้า อย่างที่คนอย่างผมต้องไปตามจิกตามจี้ กว่าจะเดินไปได้แต่ละก้าว ทั้งที่คดี “มาเฟียจีนสีเทา” ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และความเชื่อถือของประชาชน

แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ “บิ๊กเด่น” กลับออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล “บิ๊กโจ๊ก” รอง ผบ.ตร. เป็นเพียงผู้ควบคุม กำกับดูแลการสืบสวนสอบสวนเท่านั้น ร่วมกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ท่านนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เคยเห็น ไม่เคยทราบมาก่อน ไร้บทบาทตัวตน

ไฮไลต์สำคัญแท้จริงเป็น “พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” ที่เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน “คดีผับจินหลิง” นั่นเอง การเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่มีอำนาจในการอนุมัติแจ้งข้อกล่าวหาได้หมด แต่กลับมีลูกน้องปล่อยตัวผู้ต้องหา “หลานนายตู้ห่าว” หายเข้ากลีบเฆม แถมรถหรูของกลางหายแวบไปอีก 4 คัน แบบนิ่มๆ หมายจับ “ตู้ห่าว” ก็ถูกดองไว้ร่วมเดือน กว่าจะออกได้ ทุกอย่างล่าช้าอืดอาดยืดยาด ผิดฝาผิดฝั่งไปหมด

แม้แต่คำสั่งแต่งตั้งฉบับนี้ กว่าจะออกมาได้ก็ปาไปวันที่ 15 พฤศจิกายน 65 ทั้งที่เรื่องเกิดตั้งแต่ 26 ตุลาคม 65 นั่นหมายความว่าก่อนหน้านั้น คดีใหญ่อย่างนี้ให้แค่ระดับ “โรงพักยานนาวา” เจ้าของพื้นที่ที่ปล่อยปละละเลย จัดการกันเอง มิน่าเล่า ผู้ต้องหา 200 กว่าคน ตรวจเจอฉี่ม่วงในที่เกิดเหตุ 108 คน
Lif
มาถึงโรงพักเหลือแค่ 77 คน สลับฉี่หรือเปล่า? ถึงหายไปอีก 31 คน

นายชูวิทย์ ยังตั้งข้อสังเกต อีกว่าทำไมไม่ตั้ง “รองโจ๊ก” รับผิดชอบเป็น “หัวหน้าพนักงานสอบสวน” คุมคดีสำคัญเช่นนี้? เพราะไหนๆ ก็ออกหน้าแอ๊คชั่น ทีมงานพนักงานสอบสวนก็ดูเยอะแยะมากมาย 60-70 นาย แต่สำนวนไปอยู่กับทีม ผบช.น. เสียอย่างงั้น เขาทำอะไรกันอยู่? จึงทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้

เพราะหากตั้งบิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ตัว ผบ.ตร.นั่นแหละ จะต้องเป็นผู้เซ็นอนุมัติข้อหา เซ็นรับรองสำนวนเสียเองตามกฎหมาย ด้วยอาการกลัวลนลานที่จะต้องรับผิดชอบในภาวะก่อนเกษียณ จึงขอทนแบกหน้ากับตำแหน่ง ผบ.ตร. ให้ถึงเดือนกันยายนปีหน้า ก็ได้ลาโรงแล้ว หากเป็นอย่างนี้ อย่าไปเป็น ผบ.ตร.เลย

เล่นออกคำสั่ง “ลิเกลิงหลอกเจ้า” ให้คนหนึ่งออกหน้าแอ๊คชั่น บู๊ล้างผลาญ แต่ให้อำนาจหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนกับอีกคน มันช่างค้านสายตาประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ แถมคนเป็นหัวหน้าที่แท้จริงก็ทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ เพราะแผลจากลูกน้องเละเทะ สะเก็ดเต็มตัวไปหมด

การเป็นผู้นำองค์กรต้องกล้าตัดสินใจ กล้ารับผิดชอบ ไม่ใช่ทำตัวเป็น “เต่าหัวหด” อยู่ในกระดอง อยู่ในตำแหน่งอย่างไร้ตัวตน แค่รอวันเกษียณ คดีใหญ่แบบนี้ มี ผบ.ตร.คนไหนที่ออกคำสั่งกลับหัวกลับหาง จับต้นชนปลายกันไม่ถูกว่าใครเป็นใคร?

อำนาจ และหน้าที่มันต้องไปควบคู่กัน ไม่งั้นจะไปจัดการกับมาเฟียที่ไหนได้? ใครทำงานไม่ได้ ท่านต้องปลดออกเพราะนี่คือความมั่นคงของสังคม และประเทศชาติ หากทำงานไม่เป็นก็อย่าไปเป็นผู้นำองค์กรตำรวจเลยครับ เสียดายเงินภาษีที่ประชาชนเขาจ่ายให้เป็นเงินเดือนท่าน

โถ… ที่แท้บิ๊กโจ๊กเป็นแค่คนรำมวย แต่คนชกจริงอย่าง “บิ๊กจ้าว” ผบช.น. ดันหลบไปอยู่หลังฉากกับ “บิ๊กเด่น” ผบ.ตร. จนคนดูเข้าใจผิดคิดว่าบิ๊กโจ๊กเป็นฮีโร่ มีอำนาจจัดการเรื่องนี้ ส่วน “อีแอบ” ผู้มีอำนาจที่แท้จริง มัวแต่นั่งเอะอะโวยวาย ด่าลูกน้องจนเข้าหน้าไม่ติด ทำงานไม่ประสีประสา

แล้วระดับ ผบ.ตร.ทำอะไรอยู่เล่า? ช่วยออกมาจากหลังฉากเสียที หรือว่ากลัวอิทธิพล “ตู้ห่าว” เสียขนาดนั้น? เป็นถึง ผบ.ตร. ยังแยกแยะไม่ได้ว่างานไหนสำคัญกว่ากัน ก็เข้าโปรแกรม “ลาออกก่อนเกษียณ” เสียเลย ดูจะเท่กว่าทำหน้าที่ได้แค่ “ตัดริบบิ้น เปิดงานอบรม ตัดแต้มจราจร” ออกหน้าไปวันๆ

ขอบคุณที่มา    ข่าวเดลินิวส์

โพสต์โดย : ปลายน้ำ